การทำงานต้องเจออะไรหลาย ๆ อย่ าง ที่อาจจะทำให้คุณ
ต้องทำผิ ดพ ลาดไม่ว่าจะเจอคนร่วมงาน เจ้านายอาจทำ
ให้เราไม่พอใจได้ แต่สำหรับคนทำงานสู้ชีวิต หากคุณยังรักตัวเอง
วันนี้เรามีข้อคิดดี ๆ มาฝากกัน ขอจงจำ 9 ข้ อนี้ไว้เลย
1. อ ย่ า กลัว หรือ อย่ าหนีปัญหา หรือ หนีในสิ่งที่ไม่ชอบ
โบราณเขาว่าเอาไว่ว่า ยิ่งหนี ยิ่งเกลียด ยิ่งเจอแน่นอนว่าการทำงาน
ย่อมต้องเจอกับปัญหาและอุปสรรค
ถือเป็นเรื่องปกติคนที่หลีกเลี่ยงปัญหาหรืออุปสรรคในตอนนี้
อาจจะต้องเจอกับปัญหาหรืออุปสรรคที่ใหญ่ขึ้น
ซับซ้อนมากขึ้น และย ากขึ้น แน่นอนในวันหน้าปัญหาและอุปสรรคที่ผ่ านเข้ามา
มันก็คล้าย ๆ กับเราเล่นเกมส์ เกมส์ของชีวิต ที่เราต้องฝ่าฟั น ผ่ าน
ด่านแต่ละด่านไปให้ได้เมื่อผ่ านเรื่องปัญหาเล็ก ๆ หรือ อุปสรรคเล็ก ๆ ไปได้
ด่านถัดไป เราจะมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น และ จะสามารถต่อสู้กับเรื่องที่ย ากขึ้นได้อย่ างสบาย
ดังนั้น อย่ าเพิ่งหนีสิ่งที่เรากำลังเจออยู่ อาจจะมีคนอีกมากมายที่เขาผ่ านมาได้แล้ว
จงหาคนเหล่านั้นไปเรียนรู้วิ ธีการ และแนวทางของเขา ดู
จะทำให้เราหาทางผ่ านพ้นเรื่องปัญหา และ อุปสรรค ของเราไปได้ง่ายขึ้น
2. อ ย่ า หักโหมทำงานหนัก จนลืมดูแลรัก ษาสุข ภาพของตัวเอง
บริษัทเขาคงไม่เสี ยใจ หรือ เสี ยดายจากการ ต า ย ไปของเรา
อย่ างแน่นอนอย่ างมากเขาก็คงส่งพวงหรีด และ เงิ นค่าช่วยเหลือทำศ พให้
ถ้าเราทำงานจนล้ มป่ ว ย หรืออาจจะต้องเ สี ยชีวิตในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น
บริษัทก็จะหาคนใหม่มาแทนที่เราได้ในไม่ช้า แต่การสูญเสี ยของเรา
มันกระทบต่อคนในครอบครัวมากบางคนที่เป็นหัวเรือใหญ่
ของครอบครัว การจากไปของเขากลับกลายเป็นการทิ้งภาระมากมายมหาศาล
เอาไว้ให้กับครอบครัว เช่น ห นี้สิน หรือ การข าดรายได้
ดังนั้น จงอย่ าคิดว่า บริษัทจะต กที่นั่งลำบากถ้าไม่มีเรา คนที่ลำบาก
คือคนในครอบครัวของเราต่างหาก
จงอย่ าหักโหมจนต้องล้ มป่ วย จงทำงานให้เต็มที่และดีที่สุด ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
3. อ ย่ า ทำงานแค่พอผ่ าน เพราะงานของเรา คือ ภาพพจน์ของเราที่คนอื่น ๆ มองเห็น
มันก็ใช่ ที่ว่าบางวันเราอาจจะเหนื่อย บางวันเราอาจจะเซ็งเจ้านาย บางวันเราอาจจะ
อ ารมณ์ไม่ดีแต่ก็ไม่ควรเอาเรื่องเหล่านั้นไปลงกับผลงานที่เรากำลังจะทำ หรือ ต้องทำ
เพราะการทำงานด้วยอ ารมณ์ที่แปรปรวน หรือ อ ารมณ์ที่ขุ่นมัว
ยิ่งจะทำให้งานออกมาแ ย่ หรือ เสี ยหายได้ชิ้นงานแต่ละงานที่ผ่ านมือเรา
ไม่ว่าจะเป็นงานง่าย หรือ งานเล็ก ๆ หรือ งานใหญ่ ๆ เราล้วนต้องใส่ใจและให้ความ
สำคัญกับทุ กงานทั้งสิ้นเพราะทุ กชิ้นงานที่ทำโดยเรา คนอื่นเขามองออก
เขาสามารถรู้ได้ว่า เราทำด้วยความตั้งใจ และเต็มที่กับมันหรือเปล่า
ภาพลักษณ์ภายนอกแค่หน้าตาหรือการแต่งกายสำคัญก็จริง
แต่ภาพลักษณ์จากผลงานที่เราทำนั้นสำคัญยิ่งกว่า
ยิ่งถ้าได้ทั้งภาพลักษณ์ภายนอกเราดูดีด้วย ผลงานก็ดีด้วย อย่ างไรก็รุ่งแน่นอน
4. อ ย่ า คิดว่าตัวเราเอง คือ จุดศูนย์กลางของทุ กเรื่อง
การมองจากมุมของ การให้ความสำคัญของตนเองเป็นหลัก ผลที่ตามมาคือ การกล่าวโ ทษ
คนอื่น ๆ ทั้งที่ตัวเราเองผิด หรือไม่ดีหรือจะทำแต่ในเรื่องที่ตัวเราเองได้ประโยชน์
โดยไม่คำนึงถึงความสู ญเสี ยที่ผู้อื่นจะได้รับการกระทำแบบนี้ คือ
การเห็นแ ก่ตัว ที่มาจาก S e l f D e c e p t i o n กล่าวคือ มีทัศนคติที่เป็น I n w a r d M i n d s e t
ผลที่ต ามมา ก็คือเป็นคนที่ข า ดความสุข ชีวิต ก็ไม่ประสบความสำเร็จอะไร
เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะอะไรที่ทำผิ ด ทำไม่ดี ไม่เคยยอมรับเอาแต่โท ษคนอื่น ๆ
ทำแบบนี้ ก็จะไม่เกิดการเรียนรู้และการแก้ไข สุดท้ายชีวิต
ก็ต้องจมอยู่กับความทุ กข์ด้วย เพราะการหลอกตนเองทัศนคติแบบ O u t w a r d M i n d s e t
คือ มองและให้ความสำคัญกับคนอื่น ๆ เท่า ๆ กับตัวเราจะทำให้การทำงาน หรือการใช้ชีวิต
ร่วมกับคนอื่นง่ายขึ้น ที่สำคัญเราเองจะมีความสุขมากขึ้น และเป็นที่รักต่อคนรอบ
ข้างมากขึ้นเช่นกัน O u t w a r d M i n d s e t ถือ เป็นอีกหนึ่งอ า วุ ธทางจิตใจ
ที่ทำให้คนทำงานก้าวข้ามทัศนคติที่เป็นลบไปได้
5. อ ย่ า กลัวกับการเริ่มต้นใหม่
ความเคยชิน ความสบาย มันน่ากลัว ซึ่งหลาย ๆ คนเลือกเดินทางนี้
เพราะรู้สึกว่าปลอดภั ยแต่หารู้ไม่ว่า ในโลกของการทำงานยุคนี้ ความปลอดภั ย
ในหน้าที่การงาน ไม่มีจริงอีกต่อไปแล้วงานที่ทำ ๆ กันอยู่วันนี้ พรุ่งนี้อาจจะไม่มีแล้วก็ได้
เรื่องของความเคยชิน ความสบาย ถ้าเส พติ ดมันอยู่นาน ๆ เกินไป
มันจะทำให้เราต กหลุมเข้าไปอยู่ในกล่องใบเล็ก กล่องที่ทำให้เราไม่กล้าที่จะมอง หรือ คิด
เพื่อที่จะเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ ๆ ที่สำคัญสิ่งใหม่ ๆ อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่ างที่เราคิด
หรืออย่ างที่เรากังวลเพียงแต่พอสบายมานาน ก็จะรู้สึกต่อต้ านกับทุ กเรื่องใหม่ ๆ
ที่ผ่ านเข้ามา มองสิ่งใหม่ คือ เรื่องท้าทายและให้เรื่องท้าทายนี้ ถูกจัดการด้วยมันส มองและ
ความสามารถของเราดีกว่าถ้าเราคิดแบบนี้ และทำแบบนี้ได้
การเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ ๆ เราก็จะไม่กังวล และ เผลอ ๆ ทำได้ดีกว่าที่คิดอีกด้วย
ผลลัพธ์ของการทำในสิ่งใหม่ ๆ บ่อย ๆ จะทำให้เราได้เจอ กับโอกาสใหม่ ๆ
เพื่อนกลุ่มใหม่ ๆ หรือ เผลอ ๆ ได้งานใหม่ง่ายยิ่งขึ้น
6. อย่ าหยุดที่จะเรียนรู้
คนที่หยุดเรียนรู้ เท่ากับว่า เขาได้ทำล า ยอนาคต และอาชีพของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
ยิ่งตอนนี้ความรู้มีการ update ตลอดเวลาถ้าเราจะก้าวให้ทันกระแสการเปลี่ยนแปลง หรืออย าก
จะอยู่แนวหน้าในสายอาชีพของเรา เรายิ่งต้องไขว่คว้าหาความรู้เหล่านั้นทันที
L i f e l o n g L e a r n i n g คือ การเรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุดไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วง
อายุเท่าไหร่ก็ต าม ไม่มีใครแ ก่เกินเรียนและไม่มีใครเด็ กจนจะเรียนเรื่องย าก ๆ
ไม่ได้ เรียนเถอะครับ แต่เราก็ต้องรู้ว่าเรียนเรื่องอะไรเกี่ยวกับงานเราไหม
เราจะใช้ประโยชน์จากที่เรียนนั้นอย่ างไร ไม่มีใครมีชีวิตที่แ ย่ลงจากการเรียนรู้
แต่คนที่เขาแ ย่ลงเกิดจากการเรียนไป แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้อย่ าง
ไรมากกว่า ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีที่สุดอีกปีนึงของทุ กคนนะครับ
7. อย่ ากลัวกับการเปลี่ยนแปลง
ในยุคนี้ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทั้งในแง่บวกและแง่ลบอย่ างรวด
เร็วมาก หลาย ๆ บริษัทที่เคยใหญ่โตและมั่นคงมาย าวนานกว่า 20-30 ปี
กลับล้ มลงไม่เป็นท่า หลายแห่งปิดตัวลงไป ก็มีเยอะ แต่ก็มีอีก
หลายบริษัทเช่นกันที่ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงได้ไวเช่น บางบริษัทเพิ่งจะตั้งไข่ได้ไม่กี่ปี
ก็สามารถเติบโตเคียงข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอายุกว่า 40-50 ปีได้
พวกเราก็เหมือนบริษัท ถ้าเราเพิกเฉย เมินเฉยต่อการเปลี่ยนแปลง หรือไม่ใส่ใจ
ที่จะพัฒนาตนเองในไม่ช้าเราก็จะถูกเปลี่ยนแปลงอย่ างแน่นอน เพราะในแต่ละปี
จำนวนพนักงานที่ถูกทดแทนโดยเครื่องจักร และ AI มีจำนวนสูงขึ้นทุ กปี
และมีการปลดพนักงานออก มีแนวโน้มสูงขึ้นด้วย ถ้าเรารอ หรือไม่กล้าที่จะเปลี่ยน หรือไม่พัฒนาตนเอง
อีกไม่นานก็คงจะถูกระบบ หรือ เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ และ ในท้ายที่สุด โอกาสในการหางานทำ ก็แทบจะเป็นศูนย์
8. อย่ ากลัวที่จะผิ ดพลาด เพราะ ทุ กคนล้วนมีโอกาสพลาดกันได้ทั้งนั้น
จริง ๆ แล้ว ความผิ ดพลาด คือสิ่งที่ดี เพราะความผิ ดพลาดที่เราก่อขึ้น คือ หลักฐานที่พิสูจน์
แล้วว่า เราได้ลองลงมือทำแล้วและวิ ธีการนี้สรุปว่ามันไม่ W o r k ด้วยมุมมองแบบนี้
จะทำให้เกิดการคิดสร้างสรรค์และหาหนทางใหม่ในการลองทำอีก
ลองทำไป ลองผิ ดบ้าง ลองถูกบ้าง เดี๋ยวจะเจอทางที่ใช่เอง กระบวนการนี้
เปรียบเสมือน เรากำลังทำ D e s i g n T h i n k i n g ออกแบบหาวิ ธีการ
ผนวกกับการใช้ P r o b l e m S o l v i n g เข้าไปในการลงมือปฏิบัติถ้าเราไม่กลัวผิ ดพลาด
เราก็จะได้ฝึกสองเรื่องนี้ไปแบบเนียน ๆ และที่สำคัญ ทักษะสองตัวนี้ คือ
ทักษะที่สำคัญ และทำมาหากินได้ง่ายมากในยุคนี้และยุคหน้า
ดังนั้น จงพลาดให้มาก จงเรียนรู้จากสิ่งที่พลาดให้เยอะ ทุ กอย่ างคือ การลงทุนและประสบการณ์ที่คืนทุน
และมีกำไรมหาศาลให้กับเราในอนาคตได้อย่ างแน่นอน
9. อย่ ากังวล หรือใส่ใจกับทุ กคำพูด หรือทุ กสายตาของคนรอบข้างมากจนเกินไป
ยุคที่คนส่วนมากให้ความสำคัญกับเปลือกมากกว่าคุณค่าที่แท้จริงของคน คนเลือกที่จะ
ใช้ชีวิตเพื่อให้คนรอบข้างพอใจ และเห็นว่าเขาเป็นคนสำคัญ
การทำแบบนี้จะทำให้สู ญเสี ยความเป็นตัวของตัวเอง
และ ยังติ ดนิสัยสร้างภาพหลอกลวงคนอื่นไม่พอ ยังหลอกลวงและปิดบัง
ความไม่มั่นใจของตนเองเอาไว้ไม่ให้คนอื่น ๆ เห็นอีกด้วยยิ่งทำ ยิ่งเป็นทุ กข์ ยิ่งทำยิ่งสู ญเสี ยตัวตน
สุดท้ายไม่รู้ว่าใช้ชีวิตทุ กวันนี้เพื่อคนอื่น หรือเพื่อตัวเองกันแน่
ดังนั้นอย่ าใส่ใจกับทุ กสายตา หรือคำพูดของคนอื่น ๆ มากจนเกินไป
ควรไตร่ตรองเลือกใส่ใจกับข้อเท็จจริงหรือสิ่งที่สามารถนำไปปรับปรุง หรือมีประโยชน์
ต่อการทำงาน หรือการดำเนินชีวิตจะดีกว่า
ป่ วยกาย รัก ษาได้ ป่ว ยทางจิตใจ ย ากที่จะรัก ษา และอาจจะนำพาชีวิตพังได้
ขอบคุณที่มา : d e e s u d j a i