ในห้องเรียนห้องหนึ่ง ครูได้เล่าเรื่องหนึ่งให้นักเรียนในชั้นเรียนฟัง โดยเรื่องมีอยู่ว่า…
มีคู่สามีภรรย าคู่หนึ่งได้ออกท่องเที่ยวเนื่องในโอกาสครบรอบวันแต่งงาน
หลังจากล่องเรือมาถึงกลางทะเล ปรากฏว่าเรือลำนั้นเจอมรสุม ทำให้เรือล่มลงกลางทะเล
สองสามีภรรย าต่างไขว่คว้าเอาสิ่งของข้างกายที่ลอยน้ำได้ เพื่อเอาตัวรอดในน้ำที่ทั้งหนาวจัด
และ คลื่นลมแรง
ทั้งคู่คว้าถังน้ำที่มีแต่อากาศอยู่ในนั้นไว้ได้ ซึ่งมันลอยตัวได้มากพอที่จะพยุงคนสองคนให้
ลอยคออยู่ได้ แต่ก็ไม่นานนักก็เริ่มจมลง เพราะ ถังใบนั้นมีรอยรั่ว
แต่เผอิญมีเรือชูชีพลำหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ ทั้งคู่พย าย ามว่ายน้ำไปที่เรือชูชีพลำนั้น
แต่กลับพบว่าบนเรือชูชีพหนาแน่ไปด้วยผู้คนที่พย าย ามเอาชีวิตรอด
ทั้งสองดูแล้วเห็นว่าเรือพอจะมีที่ว่างให้แทรกตัวเข้าไปได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
ซึ่งหากเกินจากนั้นเรือต้องจมแน่
สามีรีบปีนขึ้นไปบนเรือชูชีพทันที ภรรย าจ้องมองสามีที่พย าย ามปีนป่าย
ขึ้นไปบนเรือชูชีพ พร้อมด้วยสายตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
ส่วนตัวภรรย านั้นก็เกาะอยู่บนถังพลาสติกที่ค่อย ๆ จมลง พร้อมกับตะโกนไปที่สามีประโยคหนึ่ง…!!
เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้อาจารย์ถามนักเรียนในชั้นเรียน พวกเธอลองทายกันดูซิ ภรรย าของเขาตะโกนว่าอย่ างไร
พวกนักเรียนต่างพากันโวยวายต่างๆนาๆ หาว่าสามีไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ บ้างก็ว่าก่อนหน้านี้
ทั้งคู่อาจจะทะเลาะกันอย่ างหนักจนทั้งคู่อาจจะเลิกกันไปก่อนแล้ว
บ้างก็ว่าฉันจะรู้สึกเสี ยใจสุด ๆ ที่ต้องแต่งงานกับผู้ชายนี้
ทันใดนั้นก็มีนักเรียนคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า… ” อาจารย์คะ หนูคิดว่าผู้หญิงคงจะบอกว่า
ดูแลลูกเราให้ดี ๆ นะ “ พร้อมด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
อาจารย์ต กใจมาก…!! ถามว่า ” เธอรู้ได้อย่ างไร หรือเคยมีใครเคยเล่านิทานเรื่องนี้ให้เธอฟังแล้ว..? “
นักเรียนส่ายหัว พร้อมกับตอบว่า… ” ไม่เคยค่ะ แต่ตอนที่แม่หนูอาการหนัก
หนูและพ่อได้ดูใจแม่อยู่ข้างเตียง ก่อนจากไปแม่ก็ได้พูดแบบนี้กับพ่อหนู “
อาจารย์จึงได้เล่าต่อ…
หลังจากนั้นเรือชูชีพได้รับการช่วยเหลือ เมื่อผู้ชายกลับไปถึงบ้าน
เขาเลี้ยงดูบุตรตามลำพังจนกระทั่งลูกของเขาเติบโตขึ้น
จนสามารถดูแลตัวเองได้ ผู้เป็นพ่อก็ล้ มป่ วยหนัก และ ได้จากลูกไป
ในขณะที่ลูกสาวกำลังเก็บข้าวของของพ่อ ก็ไปพบไดอารี่เล่มหนึ่ง
ที่พ่อมักจดบันทึกเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตเอาไว้
เมื่อเปิดอ่ านดูจนไปถึงช่วงที่พ่อกับแม่ไปล่องเรือสำราญก็พบว่า…
พ่อกับแม่ไปเที่ยวเรือสำราญ การเที่ยวในทริปนี้เป็นการเที่ยว
เพื่อทำตามความต้องการของแม่เป็นครั้งสุดท้าย
เพราะ ทั้งพ่อและแม่ ป่ ว ย เป็น โ ร ค ที่ รั ก ษ า ไม่ได้
ไม่มีวันหาย และ แม่นั้นมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงไม่กี่เดือน
ขณะที่พ่อยังคงสามารถอยู่ได้อีกหลายปีหากรั กษาสุ ขภาพดี ๆ
เมื่อเงื่อนเวลาแห่งวินาทีชีวิตมีเท่ากัน พ่อจึงใช้โอกาสเดียวที่จะรอดชีวิตนี้
กลับมาดูแลลูกของพวกเขาพ่อได้เขียนระบายความในใจ ลงในไดอารี่ว่า…
” ที่รัก ผมอย ากจะจมลงใต้ทะเลไปพร้อมคุณแต่ผมคงทำไม่ได้
และ คุณเองก็ไม่ต้องการแบบนั้นเช่นกัน เพราะ มีลูกของเรารออยู่
ผมจำต้องปล่อยให้คุณจากไป อยู่ใต้ทะเลลึกเพียงลำพัง “
เมื่อครูเล่าจบทั้งห้องเรียนเงียบกริบ ไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นอีก
ทุ กคนเริ่มเรียนรู้ และ เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
ความดี และ ความชั่ ว ในโลกนี้ บางครั้งดูสับสนไม่ชัดเจนจนแยกแยะไม่ออก
เบื้องหน้าที่เราเห็นคนบางคนแสดงออก
เราไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังเขามีเรื่องราวอะไรอยู่ เขาแบกรับอะไรไว้บ้าง
เพราะ ฉะนั้นเราก็ไม่ควรด่วนตัดสินคนอื่นแบบผิวเผิน
ผู้เป็นภรรย ายอมเสี ยสละตนเองลง เพื่อให้สามีได้กลับไปดูแลลูกสุดที่รัก
เพราะ เงื่อนไขของเวลาที่ผู้เป็นพ่อนั้นอยู่ได้นานกว่า
หากเป็นเธอที่รอดกลับไป เธอก็มิอาจจะอยู่ดูแลหรือทำในสิ่งที่สามีทำต่อได้
นั่นคือการเสี ยสละตัวเองเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
คนที่ชอบแ ย่งจ่ายบิลก่อนเวลาไปร้านอาหารด้วยกัน จริงๆแล้วไม่ใช่เพราะมีเงิ นมากไป
แต่ให้ความสำคัญของมิตรภาพมากกว่าเงิ นท อง
คนที่ทักแชทหาคุณบ่อย ๆ ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์สวัสดีวันจันทร์ อย่ าเพิ่งด่วนลำคาญ
ไม่ใช่ว่างจนไม่มีอะไรทำ แต่เพราะว่าในใจเขายังคงนึกถึงคุณ
คนที่ยินดีเสี ยสละตนเอง ทุ่มเททำงานมากกว่าคนอื่น ไม่ใช่เขาโ ง่ แต่เขารู้จักหน้าที่
และ แสดงถึงความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
คนที่ขอโ ทษก่อนอาจไม่ใช่คนที่ผิดเสมอไป แต่เขารู้จักการทนุถนอมคนข้างกาย
เขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระยะย าวมากกว่า
คนที่ยอมช่วยเหลือคุณ ไม่ใช่เขาติ ดค้างอะไรคุณ แต่เขาเห็นคุณเป็นเพื่อนแท้
ขอบคุณที่มา : bitcoretech