ในวันที่คุณนั้นเป็นเ ด็กไม่สามารถที่
จะดูแลตัวเองได้ มีเพียงพ่อแม่ที่ดูแลคุณไม่เคยห่าง
เมื่อวันนี้คุณนั้นได้เติบโตขึ้น
ในขณะเดียวกันพ่อแม่ก็เริ่มแ ก่เฒ่าลงทุ กวัน
คุณนั้นก็ควรที่จะเลี้ยงดูท่าน
เหมือนทีท่านเคยดูแลคุณนั้นเป็นอย่ างดี
ลูก ๆ หลายคนอาจจะคิดว่า
การดูแลพ่อแม่ย ามแ ก่เฒ่านั้นคือหน้าที่
‘หน้าที่’ คือสิ่งที่เราต้องทำ
เป็นสิ่งที่เรา อาจจะไม่สมัครใจทำก็เป็นได้
เพราะมันคือ หน้าที่ที่ได้รับมอบ
หมายมา สังคมไทยนั้นมักจะเป็นตัวกำหนดว่า
ลูก ๆ ทุ กคนนั้นต้องดูแลพ่อ
แม่ย ามแ ก่เฒ่า เพราะมันคือหน้าที่ของลูก
หากใครไม่ทำ ก็จะได้ชื่อว่าเป็น
‘ลูกอกตัญญู’ ที่ไม่คิดตอบแทนบุญคุณของพ่อและแม่
แต่ถ้าอย ากให้ลองคิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ แต่เป็นสิ่ง
ที่เราต้องการจะทำ ต้องการที่จะสร้างบุญกุศล
ให้กับตัวของเราเองแทน
ล่ะ อย่ าลืมว่าพ่อแม่เปรียบเสมือน
พ ระที่บ้าน ท่านเลี้ยงเรามาตั้งแต่เรายังเล็ก
ดูแลตัวเองไม่ได้ เราก็ต้องตอบแทนบุญคุณท่าน ในย าม
ที่ท่านแ ก่เฒ่า ดูแลตัวเอง
ไม่ได้ ให้สมกับที่พ่อแม่เลี้ยงเรามา
พ่อแม่มีแค่สองคนกลับเลี้ยงดูลูกหลาย ๆ คนได้
แล้วทำไมลูกหลาย ๆ คนจะดูแลพ่อแม่สองคนไม่ได้
อย่ ามองว่าเป็น ‘หน้าที่’ ที่ต้องทำหรือจำใจต้องทำ
ให้คิดเสี ยว่าได้เวลาตอบแทนบุญคุณท่าน
ในวันที่เรายังมีโอกาสที่จะได้ตอบแทนจะดีเ สียกว่า
หลาย ๆ คนคงจะรู้กันดีอยู่แล้ว
และคงจะเคยได้ยินกันมามากตั้งแต่เล็ก ๆ ว่า
พ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามานั้น คือ พ ระอรหันต์อันยิ่งใหญ่ของบ้าน
โดยตามความเชื่อของทุ กศ าสนาจะมีการสั่งสอนให้เป็นคนดี
ให้เราปฏิบัติต่อคนที่รักเราในครอบครัวเป็นอย่ างดี
ส่วนในศ าสนาพุทธนั้น การที่เราได้ดูแลพ่อแม่ ได้เลี้ยงดูพ่อแม่
นั้นถือเป็นความกตัญญูและเป็นบุญอันยิ่งใหญ่
เป็นการสร้างสิริมงคลให้กับตัวเราเอง ทำให้ได้อานิสงส์แห่ง
ชีวิตของตนเองมาก ๆ ให้มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตยิ่งขึ้นไป
ขอบคุณที่มา : deesudjai