ครอบครัวที่มีความสุขความอบอุ่นร่วมกับพี่น้อง เจริญเติบโต ศึกษาเล่าเรียน มีอาชีพการงาน และหลักฐานมั่นคง มีครอบครัว มีลูกมีหลาน แล้วก็ก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุ
ชีวิตที่ผ่ านมามีทั้งสุขทั้งทุ กข์ ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชน และเมื่อเป็นผู้สูงอายุประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่าจะปฏิบัติตัวอย่ างไรให้เป็น “ผู้สูงอายุ” ที่ดี มีคุณค่า มีความสุขในบั้นปลายขีวิต และเพื่อความสุขของชีวิตเมื่อเป็นผู้สูงอายุมีหลักที่ควรประพฤติและปฏิบัติตัวดังนี้ เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ
อายุ 60-70 ปี ขึ้นไปตามที่เรียกกันว่า ผู้สูงอายุ หรือ คนแ ก่ อย่ าไปมัวแต่คิดถึงอายุที่ล่วงไปด้วยความหวาดวิต ก อาลัยอาวรณ์ แต่จะคิดว่าเราจะเป็นคนหนึ่งที่ผ่ านโลกผ่ านชีวิตมามากพอ เฉลียวฉลาดจากการได้รับประสบการณ์ต่าง ๆ มามากแล้ว พอที่จะอำนวยคุณประโยชน์ให้พวกเ ด็ก ๆ และคนหนุ่มสาวได้
ในการให้คำปรึกษา แนะนำ ให้ข้อคิดจากความชำนาญในชีวิตมามาก และภาคภูมิใจในตัวเองว่ายังคงเป็นคนที่มีค่า มีประโยชน์ต่อสังคม แม้ร่าง กายอาจเป็นไปได้ที่ไม่สามารถจะกระทำสิ่งใด ๆ ได้เหมือนกับครั้งยังหนุ่มสาว แต่ความคิดอ่ าน สติปัญญา ความรอบรู้จะยังคงมีให้ใคร ๆ ได้เสมอ
ยังคงปรารถนาที่ให้ทุ กคนเห็นว่าเราก็เป็นคนที่เหมือนคนทั้งหลาย ซึ่งมีความต้องการและไม่ต้องการ มีความพึงใจและไม่พึงใจ มีความรู้สึกนึกคิดเยี่ยงปุถุชนทั้งหลาย และจะทำตัวเป็นคนมีค่า มีประโยชน์ต่อสังคมเรื่อยไปเท่าที่จะสามารถทำได้ ไม่คอยแต่รบกวนใคร ๆ เขาจนเกินไป ไม่ต้องมาคอยให้ใครเป็นห่วง คอยกังวล สงส ารเวทนา
จนเขาไม่เป็นอันทำงาน ประกอบอาชีพ หรือศึกษาเล่าเรียน ไม่ต้องการรบกวนเวลาหรือขัดขวางความสุขของใครอื่น แต่ต้องคอยระ วังดูแลตัวเอง ใช้ส ม อง และความคิดตัดสินปัญหาต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ควรที่จะมีผุ้ให้คำแนะนำปรึกษาหารือบ้างเมื่อมีปัญหาบางอย่ างเกิดขึ้นกับตัว อย่ าอ วดดื้อถือดีว่าตัวเองรู้อะไรดีไปหมดเสี ยทุ กอย่ าง และไม่ต้องการพึ่งใคร
สำนึกอยู่เสมอว่าชีวิต กับงานเป็นของคู่กัน งานจะช่วยให้ความสุขใจได้ อย่ านั่ง ๆ นอน ๆ หรือนิ่งเฉย ควรหางานทำเพื่อช่วยคลายเหงา และช่วยให้เกิดความสุขทางใจและควรเป็นงานี่สามารถทำได้ และเป็นงานที่เกิดประโยชน์แ ก่ผู้อื่น เพื่อที่จะได้ภูมิใจว่าตัวเองยังมีค่ามีประโยชน์ต่อสังคม
ควรคิดเสมอว่า “อายุ” ไม่ใช่อุปสรรค ที่จะทำให้เลิกเคารพนับถือตนเองและผู้อื่น รู้จักตัวเอง รู้จักผู้อื่น และคิดหาทางช่วยผู้อื่นเสมอ
เมื่อเขาต้องการ อายุเป็นเพียงตัวเลขที่บอกถึงเวลาที่ชีวิตล่วงเลยมาตามก าลเวลาเท่านั้น ยึดมั่นต่อคำกล่าวที่ว่า “คนเราไม่แ ก่เกินเรียน”
สิ่งที่ควรจะต้องทำอย่ างต่อเนื่องก็คือ การศึกษาหาความรู้ อ่า นเขียน และเรียนให้รู้ถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดความรู้ความคิดแปลก ๆ ใหม่ ๆ เสมอ แล้วจะหาทางเผยแพร่ให้ผู้อื่นรู้ด้วยต่อไป
หาเวลาพักผ่อนหย่อนใจบ้าง สร้างความสนุกสนานเบิกบานใจให้แ ก่ตัวเอง มีงานอดิเรกทำพอที่จะให้เพลิดเพลินใจ
หาเวลาเดินทางท่องเที่ยว ไปงานเลี้ยงของญาติและเพื่อน ๆ ไปมาหาสู่คนอื่น ๆ จะได้พูดคุยสนทนากันวิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องของโลก ได้คุยทบทวนถึงชีวิตแต่หนหลังที่เคยมีสุขมีทุ กข์มา
และไม่ควรพูดคุยกับเด็ กอยู่ตลอดเวลาถึงความแต กต่างของสมัยนี้กับสมัยก่อน อย่ าพย าย ามเปรียบเทียบอดีต กับปัจจุบัน เพราะการพูดเปรียบเทียบอยู่ซ้ำ ๆ ซาก ๆ พวกเด็ ก ๆ จะรำคาญ ไม่อย ากฟัง หากพูดผิด ๆ หรือทำสิ่งใดผิ ดพ ลาดไปบ้าง ก็อย่ าคิดว่าตัวเองอายุมากผ่ านชีวิตมามาก เมื่อพูดหรือทำอะไรแล้วต้องถูกเสมอ
พูดผิดทำผิดจะต้องได้คิดแก้ไข เด็ กรุ่นใหม่อาจมีความรู้ ความฉลาดในเรื่องบางอย่ างยิ่งกว่าเราก็ได้ หากแสดงอ ารมณ์หงุดหงิดเกรี้ยวกราดออกมา ควรใช้สติพิจารณาด้วยเหตุผลถึงการกระทำที่ผ่ านมาเมื่ออ ารมณ์เหล่านั้นสิ้นไป และเ ตือนตัวเองเสมอว่าไม่บังควรเอาแต่อ ารมณ์ตัวเองอีกต่อไป
ขอบคุณที่มา : k r a s e d a r a