1. เมื่อมีทุ กข์ ขอให้มองความทุ กข์ แล้ววางจิตใจไว้เหนือทุ กข์ ทุ กข์ส่วนทุ กข์ เราส่วนเรา ยกจิตยกใจของเราขึ้นจากความทุ กข์ให้ได้ ด้วยการกำหนดความเป็นกลาง มองความทุ กข์ เหมือนเราไม่ได้เป็นผู้ทุ กข์
2. ความเ ลวที่ทำอยู่ ควรลดละเลิก แต่ไม่ต้องโ ทษโกรธเคืองตนเอง พย าย ามควบคุมคำพูด การกระทำของเราให้อยู่ในคุณงามความดี เพื่อไม่ให้สร้างความเ ดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่น
3. รักผู้อื่นให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่อาจรักตนเองอย่ างถูกต้องได้ ความรักนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้ผ่ านการรักผู้อื่น จงรักผู้อื่นอย่ างไม่เห็นแ ก่ตัว
จงให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ฝึกตนเองให้เป็นผู้ให้ที่ให้เป็น แล้วความรักที่เรางง ๆ อยู่ ก็จะเดินไปสู่ความเป็นรักที่แท้จริงได้
4. ทำล ายวงจรอุ บาทว์ของชีวิต ด้วยการใส่กิจก รรมดี ๆ เข้าไป เช่นการตื่นให้เช้าขึ้น กำหนดเวลากิน อยู่ หลับ นอน ขับถ่ายให้เป็นเวลา ใส่ตารางการออกกำลังกายลงไปบ้าง
ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้จิตวิ ญญ าณของตน ตระหนักถึงความเป็นระบบระเบียบของชีวิต อย่ าใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ เพราะนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโ รคซึมเศร้า และปัญหาทางใจอื่น ๆ ที่จะตามมา
5. ย้ำเ ตือนตนเองอยู่เสมอว่า สิ่งต่าง ๆ นั้นอยู่ด้วยเหตุปัจจัย อย่ าคาดหวังในผล แต่จงสร้างเหตุ อย่ าคาดหวังในรักที่ดี แต่จงสร้างเหตุแห่งรักที่ดี อย่ าคาดหวังในความร่ำร วยให้มากเกินไป
แต่จงสร้างเหตุแห่งความร่ำร วยให้เกิดขึ้น สิ่งนี้เองคือการทำทุ กอย่ างด้วยจิตว่าง เมื่อทำทุ กอย่ างด้วยจิตว่างได้แล้ว ชีวิต ก็จะพบกับหนทางแห่งความดีงาม และความสุขได้ง่ายขึ้น
6. อย่ าพูดในสิ่งไม่ดี อย่ าพูดโก หก อย่ าพูดความจริงที่ไร้ประโยชน์ อย่ าพูดจาทำล ายน้ำใจบุคคลอื่น อย่ าพูดจาดูถู กตนเอง และอย่ าพูดอะไรที่ทำล ายสังคม บุคคลและศ าส นาที่ตนนับถือ
7. ของขวัญที่ดีที่สุด คือรอยยิ้ม กำลังใจ และความจริงใจ จงแจกจ่ายของขวัญเหล่านี้ไปยังผู้คนที่พบเห็น ทำให้เป็นนิสัย แล้วมิตรภาพดี ๆ จะเกิดขึ้นในชีวิตของเราทุ กวัน
8. เมื่อมีสุข ขอให้มองความสุข รู้สึกกับความสุข แต่ให้เว้นที่ว่างเอาไว้บ้างว่า ความสุขนั้นย่อมมีวันจากเราไป ไม่ช้าก็เร็ว
9. ทำปัจจุบันตรงหน้า ระหว่างการใช้ชีวิต ควรมีสติระลึกรู้ว่า ขณะนี้ตนเองกำลังทำอะไรอยู่ กำลังทำงานก็อยู่กับงาน กำลังเดินก็อยู่กับการเดิน
มองต้นไม้ให้เห็นต้นไม้ มองฟ้าให้เห็นฟ้า ฟังเ สียงนกร้องก็ขอให้ได้ยินเ สียงนั้น เหล่านี้คือการกำหนดใจลงสู่ปัจจุบันทั้งสิ้น
10. ความดีที่มีอยู่ ควรเพิ่มพูนส่งเสริมให้งอกงามยิ่ง ๆ ขึ้นไป ภูมิใจในความเป็นคนดีของตน แม้มันจะเป็นเพียงความดีเล็ก ๆ แต่ต้นไม้ใหญ่ ก็เคยเป็นต้นกล้ามาก่อนเช่นกัน ควรสร้างเหตุปัจจัยให้ความดีของตนได้เติบโตต่อไป
11. ความคิดโหยหาอดีต และความกังวลในอนาคตนั้น เป็นความคิดที่สู ญเปล่า และเป็นโ ทษเ สียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นไปได้ ควรคิดให้น้อย แทนที่ความคิดไร้ประโยชน์เหล่านั้นด้วยการทำสมาธิ กำหนดลมหายใจ
หรือการพิจารณาชีวิตในมุมที่สร้างสรรค์ เราต้องตระหนักว่า ความทุ กข์คือก้อนความคิด ที่สร้างมาจากเวลานอกเหนือจากปัจจุบัน เมื่อเรารวมใจของเราลงสู่ปัจจุบันได้เมื่อไหร่ ทั้งอดีต และอนาคต ก็จะไม่สามารถทำร้ ายเราได้
12. จงรักในหน้าที่ของตน และพย าย ามเชื่อมโยงหน้าที่ของตนไว้กับประโยชน์ของผู้อื่น หรือประโยชน์ของสังคม คิดให้ออกว่าหน้าที่ของเรา สามารถช่วยอะไรสังคม หรือผู้อื่นได้บ้าง
และขย ายความรู้สึกนึกคิดตรงนั้น ให้งอกงามในใจ การงานของเราก็จะเปลี่ยนจากการทำงาน เป็นการทำบุญ กลายเป็นคนที่มีใจและหน้าที่ อันเป็นกุศลอยู่ตลอดเวลา
13. มองไปรอบข้าง ถามตนเองว่า มีใครบ้างที่มีความหมายกับชีวิตของเรา มีใครบ้างที่มีบุญคุณกับชีวิตของเรา บุคคลเหล่านี้คือบุคคลที่เราต้องดูแล
ไม่อาจละเลย ขอให้มองไปยังเขาเหล่านั้น แล้วถามตนเองว่า เราจะทำอะไรเพื่อเขาได้บ้าง และลงมือทำทันที อย่ าได้รีรอ เพราะเวลาไม่อาจย้อนคืนได้ใหม่
14. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงบอกตัวเองว่า สิ่งนั้นจะผ่ านเราไปเสมอ ไม่ว่าสุข ทุ กข์ ดีใจ เสี ยใจ จงมองดูเวลา ให้เวลาได้ทำหน้าที่ของมัน จงอดทน เข้มแข็ง อย่ ายอมแพ้ในสิ่งใดก็ตาม
จงขอบคุณตัวเองที่พาชีวิตมาจนถึงวันนี้ ขอบคุณลมหายใจ และสรรพสิ่งทั้งหลาย ที่ให้โอกาสเราได้เรียนรู้ชีวิต และสร้างสติปัญญาให้เจริญงอกงาม ในจิตวิ ญญ าณของเรา
15. จงฝึกจิตใจของตน ขัดเกลาจิตใจของตนด้วยการกระบวนการที่มีประสิทธิภาพ ฝึกคิดอย่ างเท่าทัน ฝึกสมาธิ ฝึกกำหนดรู้ตามจริง เพราะชีวิตคือสิ่งไม่แน่นอน และไม่อาจคาดเดาได้
ดังนั้น เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมในทุ กสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น เราต้องเตรียมความแข็งแรงของจิตใจไว้ เพราะการทำใจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับผู้ไม่เคยฝึกฝน
ขอบคุณที่มา : ธ ร ร ม ะ ส วั ส ดี