1. รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น
การเห็นอกเห็นใจก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ในการอยู่ในสังคม มันสามารถลดความแต กแยก
หรือความขัดแย้งน้อยลงได้และสร้างความเป็นมิตร ไม่ตรีต่อกันได้
ซึ่งการเห็นอกเห็นใจเรียกว่า “empathy” เป็นการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
โดยที่เราเข้าไปอยู่ในมุมของเขาและเข้าใจเขาอย่ างแท้จริง
และยังช่วยทำให้เรามีมิตรภาพที่ดีและปรองดอง กับผู้อื่นได้ง่ายขึ้นความเห็นแ ก่ตัว
เป็นพื้นฐานที่ทำให้เราไม่รู้จักการให้ ข าดมิตรภาพ
หากเรามีความเห็นอกเห็นใจกันรู้จักมีเมตตา จะทำให้เราเห็นคุณค่า ของคนอื่น
และเข้าใจคนอื่นมากขึ้นและทำให้เรากลายเป็นคนมีคุณธรรม เกิดความสุข
สงบในจิตใจมากขึ้นอีกด้วย
2. ได้รับการช่วยเหลือหรือสิ่งที่ตอบแทนโดยไม่คาดคิดหรือไม่คาดหวังมาก่อน
บางทีการที่เราให้หรือช่วยเหลือ ใครสักคนโดยไม่คาดหวังอะไรเลยเราอาจจะได้ในสิ่งที่เรา
ไม่คาดคิดก็ได้ ปัจจุบันก็มีข่าวให้เห็นเกี่ยวกับ การช่วยเหลือคนอื่น
เพียงแค่ต้องการให้คนอื่นพ้นทุ กข์ เกิดความสบายใจมากขึ้น เช่น ข่าวที่มีของมีค่าหาย
บนรถแท็กซี่ คนขับรถก็นำส่งถึงมือเจ้าของและได้รับสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ
โดยที่เขาไม่คิดว่าจะได้อย่ างไรก็ตามไม่ได้สนับสนุนให้ทุ กคนต้องทำสิ่งนี้แล้วจึงจะได้มา
เราสามารถเลือกที่จะปฏิเสธไม่รับไว้ก็ได้ เพราะความสุขที่มากกว่า
สิ่งที่ได้รับมาในรูปแบบของเงิ นท องคือความสุขที่เกิดขึ้นภายในใจทุ กครั้งที่เรานึกถึง
จะเกิดความสุขใจและเป็นความทรงจำที่ดีกับตัวเราตลอดไป
3. เกิดความสันติสุข สามัคคีในสังคม
ความสงบหรือความสันติที่จะเกิดขึ้น ได้ในสังคมนั้น ทั้งหมดต้องเกิดขึ้นจากคนในสังคม
ต้องร่วมมือร่วมใจกัน รู้จักการให้และ แ บ่ ง ปั น อยู่กันด้วยความเอื้ออาทร
หวังดีต่อกันนั่นเอง เพราะถือเป็นพื้นฐานของความสันติ และสามัคคีในสังคมหากเราอยู่กัน
ด้วยความขัดแย้ง ความแต กแยกไม่รู้จักการให้อภั ยกัน ฉันใดก็ฉันนั้น
สังคมก็เกิดความวุ่นวาย
4. รู้จักใจกว้าง และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากขึ้น
การให้สามารถทำให้เรากลายเป็นคนใจ กว้างมากขึ้น และยังทำให้ ‘ความตระหนี่ถี่เหนียว’
ในใจเราน้อยลง เมื่อเรามอบอะไรที่อาจจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่บางที่ก็มีความหมาย
และมีค่าสำหรับคน ๆ นั้นหรือแม้กระทั่งสามารถช่วยต่อลมหายใจให้พวกเขาได้มีกำลังใจ
ที่จะใช้ชีวิตต่อไปได้ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นสิ่งที่มนุษย์
คนเราทุ กคนควรมี เมื่อพบคนอื่นที่เขา ด้ อยโอกาสหรือคนที่เขาต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ
เราก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยและมองว่าสิ่งนี้จำเป็นต้องให้ความสำคัญ
และตระหนักให้มาก ๆเพราะมีส่วนทำให้สังคมน่าอยู่และอยู่ร่วมกัน
อย่ างมีสันติสุขอีกด้วย
5. ได้รับความสุข และความอิ่มเอมใจ
แน่นอนว่า ความสุขของคนเราต่างมีรูปแบบที่หลากหลาย และระดับที่ต่างกันแต่การที่เรา
มอบอะไรให้ใครสักคน ในบางครั้งในฐานะที่เราเป็นคนให้
อาจเป็นคนที่มีความสุขมากกว่า คนที่ได้รับเสี ยอีกมันเป็นความสุขที่มากกว่าการได้กิน
ของอร่อยหรือได้ไปเที่ยวในที่ ๆ อย ากไปความสุขจากการให้มองว่า
เป็นความสุขที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้เพราะเป็นความสุขที่เราสร้างจากตัวเราเองโดยไม่ต้อง
ลงทุนอะไรเลยเช่น สุขจากการที่ให้สิ่งของ เช่น เงิ นท อง เสื้อผ้า อาหาร
หรือความสุขทางใจ ก็อย่ างเช่น ให้อภั ย ให้ความรัก ความช่วยเหลือ
กำลังใจ หรือการเสี ยสละ เป็นต้น
6. รู้จักการเสี ยสละและแบ่งปัน
การเสี ยสละ เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ เป็นการมองเห็นประโยชน์ต่อผู้อื่นมากกว่าตนเอง
การเสี ยสละนั้นมีหลายแบบ เช่น เสี ยสละสิ่งของที่ตนเองมีหรือเสี ยสละความรู้สึก
ที่เป็นความสุขต่อตนเองแล้วมอบให้กับคนอื่น
เพราะคนที่เสี ยสละมองว่ามันดีกว่าและเป็นประโยชน์มากกว่าหรือแม้กระทั่งการเสี ยสละ
ชีวิตหรือ อ วั ย ว ะ เพื่อ รั ก ษ า อีกชีวิตหนึ่งไว้เมื่อเกิดเหตุการณ์ทุ กข์
ย ากลำบากในสังคม การเสี ยสละเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สังคมดำเนินต่อไปได้ เช่น
เกิดสภาวะน้ำท่วม ความแห้งแล้ง หรือเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิด
เราสามารถช่วยเหลือผู้คนที่เจอกับสภาวะเหล่านี้ โดยการเสี ยสละสิ่งของที่เราพอจะช่วยได้
และสิ่งนั้นต้องไม่ทำให้เราเดื อดร้อนด้วย หากเราไม่มีสิ่งของหรือเงิ นท องมากพอ
เราก็สามารถให้กำลังใจหรือความรู้สึกดี ๆให้กันและกัน
เพื่อให้เขามีรอยยิ้มและมีแรงฮึดสู้กับสภาวะที่เจออยู่ก็ได้
ขอบคุณที่มา : verrysmilejung