Home บทความ ข้อห้ามเมื่อลาออก มาทำธุรกิจส่วนตัว

ข้อห้ามเมื่อลาออก มาทำธุรกิจส่วนตัว

ปิดความเห็น บน ข้อห้ามเมื่อลาออก มาทำธุรกิจส่วนตัว
0

1. ดันทุรังทำในสิ่งที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ

เมื่อเริ่มทำธุรกิจใหม่ ๆ ย่อมมีช่วงที่ต้องลองผิดลองถูก เพื่อนำประสบการณ์เหล่านั้น

มาพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้นแต่ผู้ประกอบการบางรายอาจเสี ยดาย กับเงิ นลงทุนที่เสี ยไป

จนไม่กล้าล้ มเลิกแผนการเดิม

 

แล้วหันมาทำสิ่งใหม่ ๆ เช่น หากออกสินค้าใหม่แล้วยอดขายไม่ดีเท่าที่ควรพย าย าม

ทำทุ กวิ ธีทางแล้วไม่สำเร็จบางคนก็เลือกลงทุนเพิ่มไปเรื่อย ๆ เช่น อัดเงิ นทำการตลาด

เปลี่ยน Packaging ขย ายช่องทางการขาย เป็นต้น

 

โดยหวังว่าสักวันเดี๋ยวก็สำเร็จเอง แต่ปัญหาคือ “แล้ววันไหนล่ะ” และถ้าไม่สำเร็จคุณจะต้อง

ลงทุนต่อไปเรื่อย ๆ หรือ? ดังนั้น ก่อนการลงทุนต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนเลยว่า จะใช้เวลา

กับวิ ธีการนี้นานเท่าไร ใช้เงิ นลงทุนกี่บาท

 

ถ้าหากไม่สำเร็จ ก็ต้องตัดใจล้ มเลิกแล้วเดินเส้นทางอื่นแทน เพราะไม่อย่ างนั้นคุณจะไม่มี

ทุนสำรองสำหรับการทำอย่ างอื่นเลย

 

2. ลงทุนกับสิ่งที่ไม่จำเป็น

เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ เงิ นทุน ถือเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัย ที่ตัดสินว่า

คุณจะได้ไปต่อในเกมธุรกิจหรือไม่ ฉะนั้นก่อนการลงทุนใด ๆ ต้องคำนึงเสมอว่า

 

สิ่งที่ได้รับกลับมานั้นต้องคุ้มค่ากับการลงทุนการลงทุนต กแต่งออฟฟิศให้สวยงามหรือซื้อ

เฟอร์นิเจอร์แต่งร้านมากมาย จนงบประมาณบานปลาย การลงทุนที่ว่ามานี้

 

ถือเป็นการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซ้ำยังเป็นตัวฉุดให้ธุรกิจของคุณโตได้ย าก

(เพราะเงิ นสำหรับทำการตลาด เงิ นสำหรับจัดอบรมพนักงานเ งินสำหรับการพัฒนาสินค้า

หมดไปกับการลงทุนที่ไม่จำเป็นไปเสี ยหมด)

 

ฉะนั้น ก่อนลงทุนใด ๆ ต้องวางแผนงบการเ งินให้ดี แล้วชั่งน้ำหนักความสำคัญ

ให้รอบคอบก่อนจะดีกว่า

 

3. ให้พนักงานใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวในการทำงาน

หลาย ๆ ธุรกิจ ที่มีเ งินทุนไม่มาก มักไม่ยอมลงทุน ซื้ออุปกรณ์สำนักงาน โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์

ให้พนักงานเพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่รู้ไหมว่าการทำเช่นนี้ถือว่าเสี่ ยงมาก

เพราะคุณกำลังฝากข้อมูลของบริษัทไว้ที่พนักงาน

 

ซึ่งไม่รู้ว่าจะลาออกเมื่อใด จะนำคอมพิวเตอร์ไปใช้งานจนเกิดปัญหาข้อมูลรั่วไหลหรือเปล่า ดังนั้น

หากคุณยังพอจะมีเงิ นทุนอยู่บ้าง ก็ควรซื้ออุปกรณ์ให้พร้อม แต่หากเงิ นทุนคุณน้อยมาก

 

จำเป็นต้องให้พนักงานใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวจริง ๆ ก็ควรแจ้งพนักงานว่าต้องตั้งรหัสผ่ าน

เข้าใช้งานกับไฟล์งานที่สำคัญ เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล เป็นต้น การทำธุรกิจ

 

คือการเรียนรู้จากข้อผิ ดพลาดเพื่อพัฒนาสู่สิ่งที่ดีกว่า หากคุณมุ่งมั่นและพย าย ามมากพอ

ความสำเร็จก็จะตามมาเอง

 

4. ไม่รั กษาคำพูด ไม่ตรงต่อเวลา

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “หัวหน้าเป็นอย่ างไร ลูกน้องก็เป็นอย่ างนั้น” กันมาบ้าง

ประโยคนี้ได้รับการพิสูจน์จากหลาย ๆ บริษัทแล้วว่าเป็นเรื่องจริง

 

เพราะการที่เจ้าของธุรกิจเป็นตัวอย่ างที่ไม่ดีให้ทีมเช่น มาประชุมสาย ไม่รั กษาคำพูด ทีมก็จะรู้สึกว่า

“ทีเจ้าของยังมาสายได้ เราก็มาสายได้เหมือนกัน”

 

ความคิดเหล่านี้จะค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นวัฒนธรรมองค์กรในระยะย าว ซึ่งจะแก้ไขได้ย ากมาก

ฉะนั้นหากคุณต้องการให้ลูกน้องขยันขันแข็ง ทุ่มเทกับงาน ตรงต่อเวลา

มีความรับผิดชอบ คุณก็ต้องแสดงให้พวกเขาเห็นด้วย

 

5. กอดงานไว้คนเดียว ดั บแน่

การที่เจ้าของกิจการทำงานทุ กอย่ างได้ เป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เราเข้าใจภาพรวมของธุรกิจมากขึ้น

แต่! ไม่ใช่ทำทุ กหน้าที่เอง ตลอดเวลาแม้ว่าในช่วงเริ่มต้น คุณอาจจะต้องลงมือเองบ้าง

 

เพื่อผลักดันงานดำเนินต่อไปได้ แต่คุณไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ตลอดไปเพราะสุดท้าย ตัวคุณเอง

ก็จะไม่ไหว และธุรกิจก็จะก้าวต่อไปไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือ

 

สร้างทีมที่ทำหน้าที่แทนคุณ และสร้างระบบงานให้ชัดเจนแบ่งหน้าที่การทำงานแล้วปล่อยให้ระบบ

เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ ส่วนตัวคุณเองทำหน้าที่ดูแลงานในภาพรวมและพย าย ามหาโอกาสการ

เติบโตใหม่ ๆ อยู่เสมอ

 

6. ใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ มากเกินไป

การที่คุณใส่ใจรายละเอียด ในการทำงานเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งถ้าใส่ใจมากเกินไป

อาจทำให้คุณเสี ยเวลาในการพัฒนาด้านอื่น ๆ หรือรู้สึก “ ประส าทเสี ย” หากงานไม่เป็นดั่งใจสักที

 

คุณต้องคำนึงเสมอว่า “การทำธุรกิจไม่มีวัน Perfect” ถ้ามัวแต่กังวลกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ

(ซึ่งมีมากมายมหาศาล) คุณอาจสูญเสี ยโอกาส ในการเติบโตไป ฉะนั้นใส่ใจเฉพาะเรื่องที่จำเป็น

และเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ เพื่อจะได้มีเวลาไปโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจด้านอื่น ๆ ต่อไป

 

7. เริ่มทำธุรกิจ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีความรู้ หรือไม่ชอบ

Start up หลาย ๆ คน เริ่มธุรกิจตามกระแส เช่น กระแสการนั่งคาเฟ่ ดื่มกาแฟกำลังมาแรงก็คิดจะเปิด

คาเฟ่บ้าง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่มีพื้นฐานด้านการทำอาหาร หรือไม่ดื่มกาแฟด้วยซ้ำ

 

นี่คือจุดเริ่มต้นแห่งความห ายนะ เพราะการเริ่มต้นทำธุรกิจ ต้องอาศัยทั้งแรงใจและแรงสม องอย่ างมหาศาล

เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ ซึ่งการที่คุณไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ทำเลย หรือไม่ได้ชื่นชอบมันจริง ๆ

เวลาเจอปัญหา

 

คุณก็จะรู้สึก “มืดแปดด้าน” ไม่รู้จะหาทางออกอย่ างไร แถมยังไม่มีกำลังใจในการแก้ปัญหาด้วย

(เพราะคุณไม่ได้ชอบมันตั้งแต่แรก) ดังนั้น เริ่มทำจากสิ่งที่รักและเชี่ยวชาญ จะทำให้คุณมีโอกาส

ประสบความสำเร็จมากกว่า

 

 

ขอบคุณที่มา : sabailey

Load More In บทความ
Comments are closed.

Check Also

ลักษณะผู้ชาย แ ม ง ด า ที่หวัง จะเกาะ ผู้หญิงกิน

1. เขามักจะบอกคุณอยู่เสมอ ว่าแม่เขาอย ากได้อะไร เขามักจ … …