“อยู่อย่ างคน จ น จะไม่มีวัน จ น , ถ้ายังไม่ร วยแต่อยู่อย่ างคนร วยจะไม่มีวันร วย”
เชื่อว่าทุ กคนต้องเคยได้ยินกันมาบ้าง
แล้วส่วนใหญ่คนที่เขาร วยจริง เขาจะไม่ค่อยอ วดร่ำอ วดร วยกัน
เท่าไหร่ มีแต่จะเงียบ ๆ ไว้ใช้ชีวิตอย่ างปกติสุข
พอใจในสิ่งที่ตนเองมี และขยันทำมาหากินตามเส้นทางของตนเองไปเรื่อย ๆ
ผิดกับบางคนที่มักจะชอบอ วด เพราะกลัวว่าคนอื่นจะดูถู ก ว่าตนไม่มีเหมือนใครเขา
ในปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาล่อตาล่อใจมากมาย
อีกทั้งยังเป็นช่วงของยุคทุนนิยมจึงมีการปลูกฝังเรื่องของการบริโภค
เป็นที่ตั้งทำให้คนบางกลุ่มมีความเชื่อว่าความสุขอาจเกิดขึ้นได้จากการใช้เ งิน
ซึ่งบางคนก็มักจะใช้ชีวิตแบบเที่ยวจัดเต็ม กินแบบเต็มที่โดยไม่เหลือเก็บเลยสักบาทก็มี
เราจึงอย ากให้คุณหันมาทบทวนพฤติก ร ร มของตัวเอง ว่าตัวเรานั้นใช้จ่ายมากเกินไปหรือเปล่า ?
ลองปรับชีวิตให้เกิดความสมดุลมากยิ่งขึ้น พย าย ามเดินทางสายกลางตามแน วทางของพ ระพุทธศ าส นา
อย่ าให้อะไรมันมากหรือน้อย จ น เกินไป หากเราใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ก็จะทำให้เก็บออมได้มากยิ่งขึ้น
ซึ่งการใช้ชีวิตแบบคน จ น ที่ว่านี้
ไม่ได้หมายถึงการพาตัวเองให้ไปต กระกำลำบากแต่อย่ างใด
ไม่ได้หมายถึง ให้กินอาหารราคาถูก หรือใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ
แต่หมายถึง การใช้ชีวิตอย่ างรู้จักพอ ไม่ทะเยอทะย าน จ น เกินตัว
เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ให้ดูที่ความคุ้มค่าคุ้มราคาเป็นหลัก
อาหารที่กินก็ต้องกินอย่ างรู้คุณค่า ไม่กินทิ้งขว้าง
สิ่งของที่ใช้ก็ไม่ซื้อ จ น เกินความจำเป็น
แบบนี้ถึงจะเรียกว่า “ไม่ใช้เ งินฟุ่มเฟือย”
จะถูกหรือแพงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ถ้าของที่ซื้อนั้นดีจริง คุณภาพสมราคา อยู่ในเกณฑ์ที่เราจ่ายไหว
เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี และเราสามารถใช้งานมันได้คุ้มค่าอย่ างนี้ ก็ถือว่าควรซื้อ เพราะเราซื้อมาใช้งาน ไม่ได้อย ากซื้อมาอ วดใคร
แต่ถ้ายังมองไม่เห็นถึงความคุ้มค่า การเบรคตัวเองไว้ให้ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ อะไรที่ยังไม่พังก็ใช้ไปก่อน
สิ่งนี้แหละที่จะการันตีได้ว่า เราจะไม่มีวัน จ น “ยอมอดทนแล้วมีเก็บ ดีกว่าหน้าใหญ่แต่ไม่มีกิน”
ขอบคุณที่มา : p o s t k i d d e