1. ลองพย าย ามทำความรู้จักเขาให้มากกว่านี้ก่อน
อาจจะเป็นเรื่องย ากเกินไปที่ต้องลองไปพย าย ามทำความรู้จักกับคนประเภทนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ทั้งๆ
ที่เรามีความรู้สึกที่ไม่ชอบเขาไปแล้ว แต่ถ้าหากให้ลองมองเขาในฐานะที่เขาก็เป็นคนๆ
หนึ่งที่มีชีวิตทั่วไปเหมือนๆ กับเราดูบ้าง มันก็จะทำให้เราสามารถที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจขึ้นมา
ได้บ้าง และสามารถทำให้เรามองข้ามบางเรื่องที่มักจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีไปได้ในบางสถานการณ์
2. แกล้งทำเป็นเห็นด้วยกับเขา หรือทำเป็นให้ความสนใจไปก่อนในช่วงแรก
การที่คนประเภทพย าย ามเสนอตัว ทำโน่นทำนี่ หรือแสดงความคิดเห็นต่าง ก็เพราะมีความต้องการที่อย าก
จะเป็นที่ยอมรับในสังคม ทำให้รู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนเก่งกว่าคนอื่นๆ และความคิดแบบนี้ก็ได้กลายเป็นความเชื่อ
ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนี่แหละต้องดีที่สุดแล้ว
ดังนั้น นอกจากจะไม่ไปคัดค้านเขาโดยตรงตั้งแต่แล้ว ให้เราแกล้งทำเป็นเห็นด้วย หรือให้ความสนใจ
ไปก่อนในช่วงแรก เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา และหาโอกาสพลิกสถานการณ์ให้เราเป็นฝ่ายคุมเกมต่อไป
3. เวลาคุยงาน หรือตัดสินใจอะไร ให้ทำกันเป็นกลุ่มไว้ก่อน
เนื่องจากว่าคนประเภทนี้มักจะมีนิสัยที่อย ากได้หน้าอยู่ในตัวอยู่แล้ว และคนประเภทนี้ไม่ว่าเราเสนออะไรไป
เขาก็จะมีสิ่งที่ตัดสินใจอยู่ในใจไว้ก่อนแล้ว สุดท้ายก็อาจจะต้องมาจบที่ไอเดียของเขาอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน
หรือหัวหน้างานของคุณก็ตาม
ดังนั้น เวลาที่เราต้องการจะนำเสนอไอเดียของตัวเอง เป็นไปได้ให้พย าย ามนำเสนอในที่ประชุม
หรือควรนำเสนอตอนอยู่กันเป็นกลุ่มดีกว่า และหลีกเลี่ยงการคุยหรือนำเสนอไอเดียกันแบบตัวต่อตัว เพื่อป้องกันการที่
เขาจะคอยชักจูงความคิดเรา เพื่อให้ลงเอยกับไอเดียของเขา หรือการเอาไอเดียของเราไปแอบอ้างว่าเป็นของเขาเองได้
4. ลองมองโลกในแง่ดีก่อน ให้คิดว่าคนที่ชอบเอาชนะอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นแบบนั้นก็ได้
คนที่ชอบเอาชนะคนอื่น ๆ ในทุ กเรื่อง บางทีเขาก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจทำให้คนอื่นๆ ไม่พอใจก็ได้ แต่เพียงแค่ตัวเขา
ยังไม่รู้ตัวเองว่า ได้แสดงพฤติก ร ร มที่ไม่ค่อยดีนักไปโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งพฤติก ร ร มแบบนี้ก็ดันทำให้คนรอบข้างรู้สึกไม่ดี และก็อาจจะสงสัยว่าทำไมหลายๆ คนถึงมักจะหลบหน้าเขา
หรือพย าย ามเลี่ยงที่จะคุยกับเขา ทั้งๆ ที่ตัวเองเชื่อว่าสิ่งที่ตัวเองทำ หรือพูดออกไปนั้นมันดี และตัวเองก็ทำถูกต้องแล้ว
แต่คนอื่นๆ กลับไม่คิดแบบนั้น
เพราะฉะนั้น หากเราต้องเผชิญหน้ากับเขาอย่ างหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ให้เราลองแสดงความเข้าอกเข้าใจแทนการไป
ตัดสินเขาทันที ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเป็นคนที่ทำให้เขาเริ่มรู้ตัวและเข้าใจถึงสถานการณ์ของตัวเองมากขึ้นก็ได้
5. อย่ าเพิ่งรีบไปตัดสิน/คัดค้านในสิ่งที่เขาพูด หรือกระทำออกมา
แน่นอนว่าคนประเภทนี้ พวกเขาจะมีความคิดว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกมานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และมักจะคิดว่าดีเสมอ
ซึ่งเมื่อมีคนว่าทักท้วง คัดค้าน หรือแม้แต่ตั้งข้อสงสัยก็จะทำให้เกินความรู้สึกโกรธและไม่พอใจ เนื่องจากถูกมองว่า
ความคิดของเขานั่นไม่ถูกต้อง หรือไม่ดีพอ และพวกเขาก็จะพย าย ามตอบโต้ด้วยความอย ากเอาชนะที่รุ นแรง
กว่าเดิมจมกว่าคนที่ไม่เห็นด้วยจะยอมจำนน และยอมรับคำพูดของเขาในที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่จะบานปลาย
ไปกันใหญ่ เราจึงต้องพย ามทำความเข้าใจวิ ธีคิดของคนประเภทนี้ และอย่ าให้เขาควบคุมเราได้
ด้วยการแสดงออกที่ทำให้เรารู้สึกไม่พอใจ ดังนั้น เราอย่ าเพิ่งรีบไปคัดค้านในสิ่งที่เราไม่เห็นด้วยกับเขาทันที
เพื่อป้องกันการตอบโต้ที่รุ นแรงจากฝ่ายตรงข้าม
6. พย าย ามหาจุดอ่อนของความคิดของเขา เพื่อยิงคำถามด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ
หากเราสามารถที่จะไม่ไปคัดค้านและเออออห่อหมกตามเขาไปแล้วในช่วงแรก หลังจากนี้ก็ถึงเวลาที่เราต้องลงมือ
ทำอะไรบ้างแล้วเนื่องจากว่าเราได้แกล้งทำเป็นเห็นด้วยกับความคิดของเขาแต่แรก ทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่ได้กำลังต่อต้าน
ความคิดของเขาอยู่ จึงสามารถเปิดโอกาสให้
ยิงคำถามที่แสดงให้เห็นถึงจุดอ่อนของความคิดของเขา ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เราหาได้จากการเห็นด้วยกับเขาในช่วงแรก
จุดสำคัญก็คือการควบคุมตัวเองไม่ให้ไปตัดสินความคิดของเขา แล้วให้เขาเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง ว่าถ้ามีข้อจำกัดแบบนี้
เขายังจะสามารถยอมรับได้เหมือนเดิมอยู่หรือไม่ และเมื่อข้อจำกัดนั้นมันมากพอ ก็จะทำให้เขายอมแพ้ไปเองในที่สุด
โดยที่เราก็ไม่ไปมีปัญหากับเขา
ขอบคุณที่มา : verrysmilejung