ลูกหนี้จะรู้มั้ยว่าเราลำบาก ยืมเงินใครเขามาแล้ว คืนเถอะหนา ในบางทีคนให้ยืมเขาก็ลำบาก
บทความนี้เป็นบทความดีๆที่ต้องการจะให้ใครหลายคนได้อ่านกัน ยืมเงินเขามาคืนเถอะ บางคนที่เขาให้ยืมเขาก็ลำบาก
หากคุณเคยมีเพื่อนหรือใครสักคนนึงที่รู้จัก แล้วเขายืมเงิน โปรดบอกเขา เรื่องยื่นให้เขาได้อ่านบทความนี้
เชื่อเลยว่าใครหลายคนคงเข้าใจลึกซึ้งถึงประโยคที่ว่า “ถ้าไม่ต้องการจะเสียเพื่อน ก็อย่าให้เพื่อนยืมเงิน”
ตอนมายืมนั้นทำหน้าเศร้ามาแต่ไกล เล่าถึงความลำบาก แต่พอถึงกำหนดเวลาคืน เรากลับต้องแบกหน้าไปทวง
แต่ก็ยังทวงไม่ได้ มีข้ออ้างสารพัด บางครั้งกับต้องเสียเพื่อนไปเพราะเรื่องเงิน เป็นแบบนี้มาเท่าไหร่แล้ว
สุดท้ายบาปก็จะทำหน้าที่ของมันเสมอ
คุณ ดังตฤณ หรือ ศรันย์ ไมตรีเวช ได้เล่าเรื่องการยืมเงินแล้วไม่คืน จะได้รับผลกันอย่างไร มีใจความสรุปว่า
ผลของการยืมเงินแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผลของการกระทำจะแปรเปลี่ยนไปตามเจตนาของผู้ยืม
บางคนยืมด้วยเจตนาที่จะคืน แต่มีเหตุไม่สามารถคืนได้ตามช่วงเวลาที่บอก
ผลของการกระทำก็ย่อมแตกต่างกันออกไป ผู้ที่ยืมและมีเจตนาว่าจะไม่คืน บอกผลัดไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้อื่นร้อนใจ
นั่นแหละเป็นบาปทางใจ อยู่ที่จะเลือกต่อเวรหรือจะหยุดเวร แม้ว่าในทางโลกจะเหมือนว่าเราเสียเงินให้เขาไปฟรีๆ
แต่ในทางธรรมคือ เรายกหนี้ให้เขาไปแบกแทน ให้ลองย้อนกลับไปตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราสมควรที่จะโกรธคน
คนนี้อยู่หรือไม่ เนื้อหาเต็มๆมีดังต่อไปนี้
ยืมเงินแล้วไม่คืน ผลอาจไม่เหมือนกัน ต้องดูที่ตัวของแต่ละคน เมื่อรู้ว่าก ร ร มเป็นอย่างไร ก็จะพออนุมานถูกว่า
ผลน่าจะประมาณไหน รูปแบบของก ร ร ม แปรไปตามเจตนา รวมทั้งความสามารถ ที่จะทำให้สำเร็จตามเจตนาด้วย
บางคนยืมด้วยความตั้งใจคืน อาจมีข้อสัญญาชัดเจนว่า จะคืนเมื่อใด ให้หรือไม่ให้ดอกเบี้ย แล้วคืนได้ตามนั้น
พร้อมของแถมตามข้อตกลง ผลที่เกิดขึ้นทันที คือความผูกพันในทางดี เป็นที่น่าเชื่อถือสำหรับกันและกัน
ฝ่ายให้ ถือว่าได้บุญที่ให้โอกาส ฝ่ายรับ ถือว่าได้บุญที่ได้ทำตามที่พูด มีความสุข มีความเป็นผู้ใหญ่ด้วยกันทั้งคู่
บางคนยืมด้วยการตั้งใจคืน เสร็จแล้วคืนไม่ได้ ชนิดสุดวิสัย อย่างนี้ไม่ได้ตั้งใจ โ ก ง ไม่ได้ผิดศีลข้อ 2
แต่ผลที่เกิดขึ้นทันทีในชาติปัจจุบัน คือ ความเหนื่อยใจ การขาดความนับถือตัวเอง และการไม่เป็นที่น่าเชื่อถือของคนอื่น
ส่วนผลในชาติถัดไปก็พอสมน้ำสมเนื้อ เช่นที่ให้เงินใครยืมแล้วไม่ได้คืน เพราะเหตุสุดวิสัยของลูกหนี้ เป็นต้น
บางคนยืมด้วยความตั้งใจเรื่อยๆ มาเรียงๆ ไม่ฟันธง ไม่แน่ใจว่าจะคืนเมื่อไร คิดเผื่อไว้แค่แผ่วๆ ว่า เดี๋ยวมีมากๆ ค่อยให้
แบบนี้เหมือนก้ำกึ่ง เพราะทำไปๆ มีสิทธิ์พลิกจาก ‘เดี๋ยวจะคืน’ เป็น ไม่คืนดีกว่า เอาได้ง่ายๆ ถึงจุดหนึ่งคนพวกนี้
จะลืมความสัมพันธ์เก่าๆ หมด พอเห็นตัวเลขในบัญชีที่คืนได้ แต่เกิดความเสียดาย ความตระหนี่เข้าครอบงำจิตใจ
รู้สึกขึ้นมาว่าอยู่ในบัญชีกุ แปลว่าเงินกุ เรื่องอะไรจะให้มันหายไปอยู่ในมือคนอื่น ความสำคัญมั่นหมายว่า ‘ของกุ’ ทั้งๆ
ที่ไม่ใช่นั่นแหละ คือมุขเด็ด ที่กิเลสบงการ ให้ก่อบาปกันดื้อๆ ผลทันทีคือมีจิตอ่อนแอ คิดอะไรแบบเด๊กๆ
อยู่บนเส้นทางของคนเหลวไหล ข้างหน้าจึงสมควรกับชะตา ที่ดูเหลวไหลไร้เหตุผล วันหนึ่งเหมือนมีทรัพย์ที่ยั่งยืน
อีกวันกลับมลายหายไป ราวกับความฝัน เป็นต้น
บางคนยืมด้วยความตั้งใจไม่คืนตั้งแต่แรก แต่มาหว่านล้อมล่อหลอกว่าจะคืน พร้อมดอกเบี้ยมหาศาลบานตะไท
ที่มายืมตรงนี้ก็เพียงเพราะ ต้องการประชดแบงก์ที่กู้ยากกู้เย็นนัก อันนี้ผิดศีลข้อ ๒ เต็มๆ เพราะขึ้นต้นด้วยเจตนาถือเอาทรัพย์
ที่เจ้าของมิได้ยกให้ และการผิดแบบนี้แถมพกข้อ ๔ มาด้วย ฉะนั้น ในที่ที่ก ร ร มเผล็ดผล โทษสถานเบาในโลกมนุษย์
คือต้องเหมารวมทั้งผลของ การผิดข้อ ๒ และ ๔ รวมกันสองกระทง ผลของข้อ ๒ คือเป็นผู้มีทรัพย์พินาศด้วยเหตุร้าย
ผลของข้อ ๔ คือเป็นผู้ถูกหลอก ถูกใส่ร้าย
พูดง่ายๆว่า มีสิทธิ์เสียทั้งทรัพย์ เสียทั้งชื่อเสียง ด้วยการถูกใส่ร้าย ใส่ไคล้ หรือถูกต้มได้สารพัด แต่ข้อเท็จจริง
เป็นเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัส คือ คนโกหกเป็นนิตย์ ที่จะทำชั๊ว..อะไรไม่ได้นั้นไม่มี ยิ่งถ้ามาถึงขั้นโกหกเพื่อเชิดเงินคนอื่นได้
ทำให้เขาเดือดร้อนหน้าตาเฉยได้ ก็แปลว่าต้องทำบาป ร้ายกาจได้หนักกว่านี้ไปเรื่อยๆ
ฉะนั้น โทษทัณฑ์ที่แท้จริง ก่อนจะมีสิทธิ์ได้กลับมาเป็นมนุษย์ จึงน่ากลัวกว่าที่เราเห็นๆกัน ขณะเป็นมนุษย์ ในฐานะคนถูก โ ก ง
ก็ต้องระลึกด้วยว่า เกมก ร ร มยังไม่จบ คนถูก โ ก ง ก็ต้องมีก ร ร มในขั้นต่อไป เมื่อทวงแล้วไม่คืน เมื่อฟ้องแล้วไม่สำเร็จ
(เพราะมักไม่มีสัญญา เป็นลายลักษณ์อักษรกัน) ที่สุดก็เหลือก ร ร มทางใจ ต้องการลงมือให้หายเจ็บใจ หรือจะเลือกเชื่อว่านี่เป็นโอกาสดี
ชาตินี้ได้รู้จักศาสนา ที่สอนเรื่องเหตุและผล ทำเหตุอย่างไรมา ก็ต้องได้ผลอย่างนั้นบ้าง รู้แล้วเราจะเลือกต่อเวรหรือหยุดเวร
ทางโลกเหมือนยกให้เขาได้เงินไปฟรีๆ แต่ทางธรรมคือ ยกหนี้ก ร ร มให้เขารับไปแบกแทน ในเมื่อมีตัวแทนมารับช่วงถึงที่
เราสมควรเเค้นเคืองหรือขอบคุณ
ขอขอบคุณ : ศรันย์ ไมตรีเวช