Home บทความ อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี พ่อกับแม่จะต้องมี 3 ข้อ

อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี พ่อกับแม่จะต้องมี 3 ข้อ

ปิดความเห็น บน อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดี พ่อกับแม่จะต้องมี 3 ข้อ
0

พ่อแม่หลายคนชอบช่วยเหลือลูก อยู่ตลอดเวลา เพราะกังวลว่า ลูกจะทำอะไรหลายๆ อย่างได้ไม่ดีพอ แต่คุณรู้ไหมว่า

การทำแบบนี้จะเป็นการทำให้ลูกของคุณกลายเป็นคนอ่อนแอ

 

ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้วันนี้มีงานวิจั ย เผยว่า 3 ข้อ ที่หากแม่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

หรือมีส่วนช่วยเหลือลูกๆ ได้น้อยที่สุดจะส่งผลดีกับลูกมากที่สุด

 

1. แม่ต้องขี้เกียจขยับมือ สอนให้ลูกเรียนรู้จักพึ่งพาตนเอง

คุณแม่กุ๊ก เผยประสบการณ์ว่า เธอจะไม่เข้าไป ช่วยลูกในสิ่งที่ พวกเขาสามารถทำได้เอง เช่น เมื่อห้องนอนของกุ๊ก

ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย แม่จะเตือนกุ๊กว่า ควรจัดห้องอย่างไร

 

เพื่อให้เป็นระเบียบแต่จะไม่เข้าไปทำให้ลูกเอง เธอปล่อยให้ลูกได้ทำด้วยตัวเองช่วงเปิดภาคเรียน

คุณครูขอให้นักเรียนห่อปกหนังสือเรียนเล่มใหม่ ของเทอมนี้

 

แต่กุ๊กทำไม่เป็น แม่จึงสอนกุ๊กห่อ 1 เล่มก่อนเป็นตัวอย่างให้กุ๊กดู จากนั้นก็ปล่อยให้กุ๊กลองทำเองทั้งหมด

กุ๊กไม่อยากห่อเอง จึงไม่ยอมขยับมือ แม่ก็ไม่สนใจเธอได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ

 

พร้อม ชี้นิ้วบอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้แต่ไม่เข้าไปช่วยห่อ ทำให้กุ๊กต้องนั่งห่อเอง ทั้งหมด แม่ของกุ๊กบอกว่า

“ความจริงถ้าฉันจะเข้าไปช่วยห่อจะประหยัดเวลาได้มาก

 

แต่กุ๊กจะไม่มีวันเรียนรู้ที่ห่อ ปกหนังสือเองได้เลยดังนั้น นี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดคือ

ปล่อยให้กุ๊กห่อเอง แม้ว่าจะห่อไม่เรียบร้อย ก็ตาม”

 

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่เคยขยันหมั่นเพียร ในการช่วยเหลือลูกในการทำสิ่งต่างๆ

แต่ให้ลูกทำเอง เพื่อจะได้พึ่งพาอาศัยตัวเอง

ช่วยเหลือตัวเองได้และไม่เฉยเมยต่อการฝึกฝน สร้างความรับผิดชอบให้กับลูก

 

2. แม่ต้องขี้เกียจบ่นหรือพูดมาก ให้ลูกเรียนรู้ที่จะเติมโตด้วยตนเอง

พ่อแม่หลายคนชอบสร้าง ความคาดหวัง ในตัวลูกมากเกินไป อยากให้ลูกทำตามสิ่งที่ตัวเอง นั้นต้องการเพราะคิดว่า

มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูก แต่การทำแบบนี้จะทำให้ลูกรู้สึกอึดอัด กดดัน

 

และกลายเป็นไม่อยากฟังและทำเป็นหูทวนลม ไม่ใส่ใจกับสิ่งที่แม่ พูดแต่มีครอบครัวหนึ่ง ที่กลับทำตรงกันข้าม

ในช่วงสุดสัปดาห์ ต้นเล่นเกมเป็นเวลานานมากและไม่ทำการบ้าน

 

แม่จึงถามเขาว่า… “ลูกกะจะเล่นเกมถึงกี่โมง…?”

ต้นตอบว่า : “ขอเล่นอีก 10 นาที”

 

แม่ตอบกลับไปว่า… “โอเค ต้องรักษาคำพูดนะ” พอผ่านไป 10 นาที แม่ก็เดินกลับมาดูอีก ต้นก็ยังคง นั่งเล่นอยู่ที่เดิม

แม่โกรธมาก แต่ก็ต้องสงบสติอารมณ์ และพูดอย่างใจเย็นว่า… “ปกติลูกเป็นคนรักษ าคำพูดไม่ใช่หรอ…?”

ในตอนนั้น ต้นเริ่มรู้สึกผิด จากนั้นก็เดินไปปิดสวิทช์และรีบไปทำการบ้านทันที…!!

 

นั้นเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ แม่ของต้นเคยพูดหลายรอบ เกี่ยวกับนิทานเรื่อง “การเป็นคนน่าเชื่อถือ” และ นั้นก็ทำให้ต้นค่อยซึมซับ

เข้าไปในจิตใจ ปกติแม่จะเป็นคนที่ ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการอ่ านหนังสือ ทบทวนตำราเป็นอย่างมากจึงได้ซื้อนิทานสร้างแรงบันดาลใจ

ให้อ่านมากมาย

 

และจากนิทานเหล่านี้ ทำให้ต้นเรียนรู้ ที่จะนำมาใช้กับตนเอง เสริมสร้างการควบคุมนิสัย ของตนเอง

การอดทนอดกลั้นด้านจิตตานุภาพ เพื่อให้ตนเองเป็นคนที่มีคุณภาพยิ่งขึ้น

 

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่ขยันที่จะบ่นทั้งวัน แต่ใช้เหตุผล ในการพูดคุย เพราะเธอรู้ดีว่าลูกไม่ชอบการบ่น

แต่เธอขยันในการหาวิธี ในการรับมือเพื่อปลูกฝัง จิตสำนึกและคุณภาพที่ดีเยี่ยมให้ลูก

 

3. แม่ต้องขี้เกียจ ไม่เข้าไปช่วยลูกทำการบ้าน

มีคุณแม่คนหนึ่ง เล่าประสบการณ์ว่า ตนเองไม่เคย ไปสอนการบ้าน ให้ลูกชายเลย แม่จะเตือนลูกมากกว่าว่าเวลาไหน

ควรไปทำการบ้านได้แล้ว เมื่อทำเสร็จแล้วก็บอกแม่คำหนึ่งก็พอส่วนการตรวจสอบ ว่าลูกชายทำถูกหรือไม่นั้นเป็นหน้าที่ของตัวเขาเอง

หรือให้เรียนรู้ว่าถูกหรือผิดจากที่โรงเรียนแม่มีหน้าที่แค่เซ็นชื่อเท่านั้น

 

ในตอนแรกลูกชายไม่พอใจ เป็นอย่างมากโดยบอกว่า “แม่ของคนอื่นจะช่วยตรวจ การบ้านให้ด้วย ทำไมแม่ขี้เกียจแบบนี้…?”

เธอตอบลูกชายไปว่า… “ ไม่ใช่เพราะแม่ขี้เกียจหรอกนะ ลูกคิดดูสิ..!!

หากแม่ช่วยลูกตรวจ การบ้าน แล้วลูกจะรู้ได้อย่างไร ว่าผิดตรงไหนบ้างแล้วต่อไปลูกจะตรวจเองเป็นไหม…?

 

ตอนสอบ หากผิดลูกจะรู้ไหม ว่ามันผิดตรงไหน จงจำไว้นะว่าในตอนนั้น ไม่มีใครสามารถมาช่วย ลูกตรวจข้อสอบได้

ลูกจะได้ฝึกการตรวจความถูกต้องและเรียนรู้ด้วยตัวเอง ”ในห้องเรียนลูกจะเจอ บทเรียนก่อนและจึงจะได้ทำข้อสอบ

 

แต่… ในโลกแห่งความเป็นจริงลูกจะได้ เจอบททดสอบก่อนแล้วถึงจะได้บทเรียน นี่คือ สิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ ให้ได้มากที่สุด

เธอสอนให้ลูกรู้จักพึ่งตนเอง เมื่อพบเจอปัญหาก็ต้องคิดใคร่ครวญเอง หากคิดไม่ออกจริงๆ ค่อยถามแม่หรือขอคำแนะนำจากแม่ได้

 

ประสบการณ์ของครูพบว่า : “แม่ขี้เกียจ” ไม่เคยชี้นำลูกให้เรียนรู้ แต่ปล่อยให้ลูกทำอย่างอิสระ และคิดอย่างอิสระ

แต่เธอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเธอยังให้ความสนใจกับลูกและใช้วิธีการที่ชาญฉลาด

 

เพื่อช่วยแก้ปัญหา เมื่อลูกมีปัญหามันสอนให้รู้ว่าผู้ปกครองควรที่จะปล่อยลูกของตัวเองบ้างในเวลาที่สมควร ให้เขาได้เรียนรู้

และใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่ สิ่งที่ตัวอย่างแม่ๆ ทั้งหลายทำนั้น มันเป็นวิธีในการปลูกฝังลูกน้อยที่ดีมาก เพื่อให้เขาสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง

 

และช่วยเหลือตัวเอง ได้พ่อแม่ทุกคน มักจะกังวลกับลูก จนไม่กล้าปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้และทำอะไร ด้วยตัวเขาเอง

คุณควรเอาความกังวลเก็บไว้ในใจ และปล่อยให้เขาโบยบิน ไปด้วยวิธีของเขาเองเพื่อให้เขามีปีกที่แข็งแรงพอ และอยู่ได้ด้วยตัวเองในวันที่ไม่มีคุณปกป้อง

 

ถ้าอยากให้ลูก เป็นคนใจเย็น ให้ฝึกการรอคอย

ถ้าอยากให้ลูก ช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ลูกได้ลองลงมือปฎิบัติ

 

ถ้าอยากให้ลูก พูดเพราะและมีมารยาทต้องทำให้ลูกเห็นทุกวัน

ถ้าอยากให้ลูก มีวินัย พ่อแม่ต้องรู้จักรักษาคำพูด

 

ถ้าอยากให้ลูก แก้ปัญหาได้ ให้ฝึกให้เจอปัญหาบ่อยๆ

ถ้าอยากให้ลูก กล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามเพื่อให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น

 

ขอขอบคุณ l i f e b e e p e r

Load More In บทความ
Comments are closed.

Check Also

คนที่ให้เงินเขายืม มักจำได้ แต่คนที่ไปยืมเงินเขามามักจะลืม

คนที่ให้เ งิ นเขา ยื ม มักจำได้ แต่คนที่ไปยื มเ งิ นเขา … …