เมื่ อชีวิ ตต้ องเจ อกับวันที่แ ย่ ขอให้แผ่เม ตต า จะช่ ว ยให้ชี วิตที่เป็ นอยู่นั้ นดีขึ้น
การแผ่เมตต า เป็นการกระทำที่มีทำกัน มานาน มากแล้วตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะเห็นประโยชน์ว่า การแผ่เมตต านี้จะทำให้ผู้ปฏิบัติเป็นประจำมีจิตใจอ่อนโยน เยือ ก
เย็นลงได้ และทำให้มองเห็นว่าการที่มนุษย์หวังดีต่อกันนั้นเป็นทางนำให้โ ล กเกิ ดสันติ สุขได้ และเมื่อตัวเองได้รับความสุขแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องการให้เพื่อนร่วมโ ล ก
ได้ รับความสุขอย่ างนั้นบ้างจึงได้แผ่กระแสจิตอันเยือ กเย็นและอ่อนโยนนั้นไปยังผู้อื่น การแผ่เมตต าท่านบอ กว่า การแผ่เมตต าให้ฝึกแผ่ให้ตนเองก่อน แล้วจึงแผ่ไป
ยังคนใกล้ชิด ก่อนที่จะอุทิศบุญนั้นให้ตั้งสติ หายใจลึก ๆ ย าว ๆนึกถึงบุญกุศลที่เราได้ทำมาเท่าที่เราจำได้ว่าเราได้ทำความดีอะไรมาบ้าง
ในชีวิตหนึ่งของมนุษย์เรานั้น สิ่งที่ทุ กคนปรารถนาเป็นอย่ างมากนั้นก็คือ ความสุขเพราะไม่ว่าเราจะกระทำสิ่งไหนสิ่งที่เราหวังให้เกิดขึ้นต ามมานั้นก็คือความสุข ถึงแม้ว่าความสุขของคนเราจะมีหน้าต า
และมาในรูปแบบที่แต กต่างกันแต่ไม่ว่าความสุขจะมาในรูปแบบไหน เชื่อเลยค่ะว่าทุ กคนต้องเต็มใจรับมันอย่ างแน่นอนขอให้คุณเข้าใจ เมื่อต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ย ากลำบากมันเป็นเวลาแห่งผลก ร ร ม
ไม่ดีนั้นส่งผลมาจากการกระทำของเราเองในปัจจุบัน และในอดีตที่ส่งผลหนักมากกว่าบุญที่เรามีเมื่อพิจารณาแล้ว ให้ตั้งจิตรวมบุญใหม่ที่ทำในวันนี้และบุญที่เคยทำมาทุ กภพทุ กชาติเป็น มหาบุญกุศล
พิจารณาถึงเกิดแ ก่เจ็ บ ต ๅ ย การเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปไม่มีสิ่งใดคงทนถาวรเลย อุทิศแผ่เมตต าให้กับเจ้าก ร ร มนายเ ว รที่เราไปเบียดเบียนเขาที่เรานึกได้ไม่ว่าจะเป็นใคร
สั ต ว์และเจ้าก ร ร มนายเ ว รที่เป็นด ว งจิ ตวิญ ญาณที่เราไม่รู้ว่าทำเขามาหนักหนาในภพไหนก็ต ามเพื่อขออโหสิก ร ร มเขาและให้ อโหสิก ร ร มต่อทุ กคน สั ต ว์ที่มาทำเราไม่ว่าเรื่องใด
ไม่ใช่ปีชง ไม่ใช่ด ว งดาวเคลื่อนย้ ายไม่ใช่ราหูทับซ้อนอะไรทั้งนั้น มาจากเหตุจากการกระทำของเราล้วนที่เราสร้างมาเอง และจากที่เราไปสร้างเจ้าก ร ร มนายเ ว รเอาไว้เพื่อชีวิตข้างหน้าจะดีกว่าที่เป็นอยู่สร้างบุญง่าย ด้วยการแผ่เมตต า
เริ่มจากสร้างบุญใหม่ที่ไม่ใช่เ งิ นทำสมาธิให้นิ่งสบายเ สี ย ก่อนสมาทานศีล 5 และสวดมนต์หลังจากสวดมนต์แล้วให้ทำสมาธิต่อให้คิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกช่วงใน ชีวิตที่เราจะได้รู้จักกฏแห่งก ร ร มอย่ างแท้จริงและได้ตื่น
ได้เข้าใจว่าเราต้องเร่งพัฒนาคนเองให้อยู่ในก ร ร มดีมากขึ้น
บทแผ่เมตต าให้กับตัวเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข) อะหัง นิททุ กโข โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุ กข์) อะหัง อะเวโร โหมิ (ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเ ว ร) อะหัง อัพย าปัชโฌ โหมิ
(ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอั น ต ร า ยทั้งปวง) สุขี อัตต านัง ปะริหะรามิ (ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รั ก ษ ากายวาจาใจให้พ้นจากความทุ กข์ภัยทั้งปวงเถิด)
บทแผ่เมตต าไปสู่ผู่อื่น
สัพเพ สัตต า สุขิต า โหนตุ นิททุ กขา อะเ ว ร า อัพย าปัชฌา อะนีฆา สุขี อัตต านัง ปะริหะรันตุ ขอสั ต ว์ทั้งหลายทั้งปวง จงถึงความสุข ปราศจากความทุ กข์ ไม่มีเ ว ร ไม่มีภัย
ไม่มีความคับแค้นใจ จงมีความสุขกายสุขใจ รั ก ษ า ตนให้พ้นจากทุ กข์ภัยทั้งปวงเถิดฯ
บทแผ่เมตต าทั่วไป
สัพเพ สัตต า สั ต ว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุ กข์ เกิด แ ก่ เ จ็ บ ต ๅ ยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อะเ ว ร าโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่ าได้มีเ ว ร แ ก่กันและกันเลย อัพย าปัชฌาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
อย่ าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลยอะนีฆาโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่ าได้มีความทุ กข์กายทุ กข์ใจเลย สุขี อัตต านัง ปะริหะรันตุ จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รั ก ษ า ตนให้พ้นจากทุ กข์ภัยทั้งสิ้นเถิด
ขอบคุณข้อมูลจาก d e e j u n g l i f e