เงิ นท องเป็นของนอกกาย แต่มันจะสายถ้าเก็บไม่อยู่ เ งินเดือนออกทีไรกินอาหารญี่ปุ่นที่ร้าน
แต่ปลายเดือน กินอาหารญี่ปุ่นเป็นเส้นในห่อที่บ้านทุ กทีเงิ นเดือนทำไมเป็นเ งินครึ่งเดือน
เก็บไม่อยู่ ส่วนเงิ นในอนาคตที่มาเป็นบั ต รพลาสติ ก ก็ใช้จนเต็มวงเ งินแล้วอย่ างนี้
แ ก่ตัวไปจะมีเงิ นใช้ย ามแ ก่หรือเปล่า ทำไงดีหลายท่านเก็บเงิ นไม่อยู่
เพราะความต้องการในการใช้สูง หรือบางทีมีเหตุอันจำเป็นที่ต้องใช้ เช่นค่ารั กษาพย าบาล
ค่าซ่อมแซมรถ หรือบ้าน ค่าเทอม ค่าอื่น ๆ แต่บางครั้งก็เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ค่อยจำเป็น
เช่น ซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ทดแทนเครื่องเก่าที่ยังใช้งานได้อยู่แต่แค่ต กรุ่นไปบ้างหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ที่ยังรอเวลาได้ ลองอ่ า นบทความนี้ดูครับ เผื่อจะมีเงิ นเก็บขึ้นมานิด ๆ หน่อย ๆ
1. พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี
ก่อนที่จะซื้อของใหม่ ให้ลองคิดให้รอบคอบก่อนว่ามันจำเป็นจริง ๆ ที่ต้องซื้อชำรุ ดเสี ยหายแล้วจริง ๆ
ใช้งานไม่ได้แล้วจริง ๆ หรือแค่อย ากได้เพราะเพื่อนยุ เครื่องเก่าอย ากทันสมัย
หรือมีโปรลดราคา ถ้าคิดได้ว่าจำเป็นจริง ๆ หรือไม่แล้วค่อยตัดสินใจซื้อ หรือจะรอไปซักพัก ก็จะมีเงิ น
เก็บเพิ่มขึ้นนิดหน่อยนะครับ
2. ไม่ต้องเป็นที่สุด
กลัวจะต กรุ่นถ้าซื้อของชิ้นนี้ กลัวที่จะอายเพื่อนถ้าซื้อรุ่นต่ำ ถ้าซื้อรุ่นใหม่ที่สุดน่าจะอยู่ได้นาน
ความคิดแบบนี้ไม่ได้ถูกต้องเสมอไปนะครับ ถ้าคุณกลัวต กรุ่น
แล้วหล่ะก็สินค้าที่คุณซื้อวันนี้ปีหน้าก็ออกรุ่นใหม่มาอีก แล้วเครื่องเก่าของคุณก็จะต กรุ่น
กลัวที่จะอายเพื่อนแต่บางครั้งของใช้ ก็ไม่ใช่ของที่จะเอามาโชว์
ลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่ซื้อเท่าที่จำเป็นเพราะความจำเป็นของคนเราไม่เท่ากัน และเงิ นใน
กระเป๋าก็ไม่เท่ากัน คุณอาจจะต้องซื้อรุ่นที่สูงที่สุด
เพราะคุณต้องใช้งานมันแบบนั้นแต่ถ้าคุณไม่จำเป็น
ก็ซื้อรุ่นที่ต่ำลงมาหน่อย ก็ประหยัดเงิ นได้อยู่เหมือนกัน
3. เอาเงิ นไว้ไกลตัว
เงิ นอยู่ใกล้ ๆ ตัวก็หยิบเอามาใช้ง่าย ๆ ก็หมดไปเร็ว ถ้าลองเอาเ งินไว้ไกล ๆ เช่น ฝากธนาคาร
แบบไม่มีบั ต ร A T M จะต้องไปเบิกที่สาขาอย่ างเดียว
โอกาสที่จะเบิกเ งินส่วนนั้นมาใช้ ก็จะยิ่งย าก แต่ ก็ต้องแบ่งออกมาเป็นส่วน ๆ ไปนะครับ
เช่น เงิ นที่ใช้ประจำวันหรือฉุ กเฉินจะต้องนำมาใช้ได้อย่ างง่าย
ส่วนเ งินเก็บก็ควรเอาไว้ไกล ๆ ยิ่งเบิกย ากยิ่งดี ยิ่งบั ต รเ ค ร ดิ ต ละก็ลืมเอาติ ดตัวไปบ้างก็ดีนะ
จะได้ไม่รูดเล่นจนไม่เหลือวงเ งิน
4. ไม่ไปแหล่งที่อั น ต ร า ย
หนุ่ม ๆ สาว ๆ ชอบเดินเล่นดูของที่ตัวเองชอบเสมอ ๆ ทำให้เกิดความอย ากได้และก็หาเหตุผลให้กับ
ของเก่าที่มีอยู่ เช่นเดินดูโทรศัพท์มือถือบ่อย ๆ เพราะชอบความแปลกใหม่
ของยี่ห้อต่าง ๆ พอกลับมาบ้านกลับกลายเป็นโทรศัพท์ที่มีอยู่ อยู่ดี ๆ ก็เกิดช้า เกิดอาการค้างขึ้นมา
ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเปิดก็ช้า ปิดก็ช้าไม่มี f u n c t i o n
ที่เหมือนเครื่องที่เพิ่งสัมผัสมาตอนเย็น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ใช้งานได้ดีมาโดยตลอด ก็เลยคิดว่าควรจะเปลี่ยน
เพราะไม่ตอบโจทย์แล้ว ซึ่งมันเป็นอั น ต ร า ยต่อเงิ นในกระเป๋าอย่ างยิ่ง
ขอบคุณที่มา : jingjai999