เมื่อไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้อ่ านหนังสือ “90 วัน ออมเปลี่ยนชีวิต”ซึ่ง
เป็นหนังสือแปลจากภาษาญี่ปุ่น
ของสำนักพิมพ์ ส.ส.ท.บนหน้าปกมีข้อความว่า
“สำหรับครอบครัวคนธรรมดา ที่ไม่มีโอกาสร วยทางลัด”
และ “พิสูจน์แล้วจาก 3,800 ครอบครัว ที่ปลดห นี้ได้จริง”
ผู้เขียนพบว่ามีแนวคิด
ที่น่าสนใจหลายอย่ าง ในบทความนี้
จึงขอเลือกมาแบ่งปันให้กับผู้อ่ าน 5 ข้อ คือ
1. ระยะเวลาที่เหมาะสมสำหรับภารกิจออมเ งินคือ 90 วัน
สาเหตุที่ภารกิจออมเงิ นแต่ละช่วงของคุณโยโกย ามะใช้เวลา 3 เดือน
เริ่มจากวันที่เงิ นเดือนออกเพราะว่าระยะเวลาไม่สั้นไป
ทำให้สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้และไม่ย าวไป ทำให้สามารถ
ปรับเปลี่ยนเป้าหมายครั้งต่อไปได้ง่ายในระหว่างที่ทำภารกิจนั้น
สิ่งที่คุณโยโกย ามะแนะนำให้ทำ เช่น ทำบันทึกรายรับรายจ่ายเพื่อให้
เรารู้ว่าเราใช้เงิ นไปทำอะไรบ้าง อยู่ในสัดส่วนที่เรา
ต้องการหรือไม่ไม่ใช้บัตรเครดิต เพื่อให้รู้ว่า เรามีปัญหาเรื่องการชักหน้า
ไม่ถึงหลังหรือไม่ และอาจช่วยให้เราประหยัดเงิ นเนื่องจากการ
ต้องคิดไตร่ตรองก่อนเขียนบันทึกสิ่งที่ตนเองนึกคิด 3 บรรทัดทุ กวัน
เพื่อให้เข้าใจอ ารมณ์และความรู้สึกของตนเองมากขึ้น ลิสต์รายการ
ห นี้สินและจ่ายคืน ฯลฯ
2. เป้าหมายคือสัดส่วนการใช้เงิ น มากกว่าจำนวนเ งินที่ใช้ไปจริง
เรามักจะคุ้นเคยกับการตั้งเป้าหมายในการออมเ งินเป็นจำนวนเ งิน เช่น
เดือนนี้จะออมให้ได้กี่บาท หรือจะใช้เงิ นไม่เกินกี่บาท
คุณโยโกย ามะเสนอว่า ทางที่ดีกว่าคือ ควรจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์
ให้เราแบ่งการใช้ เ งิ น
ออกเป็น 3 ประเภท
คือ ใช้อุปโภคบริโภค ใช้ฟุ่มเฟือย และใช้ลงทุนและพย าย าม
เพิ่มสัดส่วนการใช้ลงทุน เป้าหมายของเขาคือ ให้มีสัดส่วนการใช้เงิ น
เพื่ออุปโภคบริโภค 70%
ใช้ฟุ่มเฟือย 5%
และใช้ลงทุน 25%
3. สร้างนิสัยการออม เ งิ น
เมื่อจบ 3 เดือนแล้ว ให้ทบทวนเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ได้ สังเกตพฤติกร รม
การใช้เงิ นของเราโดยดูจากสมุดบันทึกรายรับรายจ่าย
และทำโปรแกรมออมเงิ นสำหรับ 3 เดือนถัดไปโดยปรับรูปแบบให้เข้า
กับพฤติกร รมของเรา ทำอย่ างนี้ไปเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นนิสัย
เราจะสามารถออมเงิ นได้ดีการไปสู่เป้าหมาย ขอให้เรามีความตั้งใจแน่วแน่
และลงมือปฏิบัติเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้น
โดยไม่ถอดใจยอมแพ้ไปก่อนหากไม่สามารถออมเงิ นได้สักที
คุณโยโกย ามะแนะนำว่า อาจต้องหาคนสนิท
มารับรู้ว่า เราตั้งใจจะทำอะไรเพื่อเป็นแรงผลักดันทั้งนี้ เราต้องไม่โ ทษ
สภาวะแวดล้อม และเปลี่ยนความขัดสนเป็นแรงกระตุ้นให้เรามุ่งไป
ข้างหน้าต่อไป
4. วิ ธีออม เ งิ น ที่ง่ายที่สุดคือลดรายจ่าย
หลายคนอาจจะเคยลองหาวิ ธีทำให้ตนเองมีเงิ นเก็บมากขึ้น โดยการ
หางานพิเศษทำบ้าง ลดค่าใช้จ่าย
บ้าง หรือทำทั้งสองวิ ธีควบคู่กันไปคุณโยโกย ามะเฉลยว่า วิ ธีที่
ง่ายและยั่งยืนที่สุด
คือ การลดค่าใช้จ่าย ใคร ๆ ก็ทำได้และทำได้อย่ างต่อเนื่องส่วน
วิ ธีการหารายได้เพิ่ม อาจจะเหมาะกับคน
ที่มีธุรกิจส่วนตัว นอกจากนั้น เขายังยืนยันว่า การประหยัดนั้นไม่
จำเป็นต้องน่าเบื่อ
สามารถทำให้สนุกได้ โดยการหาวิ ธีประหยัดที่เหมาะกับนิสัยและ
พฤติกร รมของตนเอง และตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
5. เงิ นสำรองเผื่อฉุ กเฉิน 1 ปี
โดยทั่วไปเรามักจะได้ยินว่า เราควรมีเงิ นเก็บไว้ใช้ย ามฉุ กเฉิน 3-6 เท่า
ของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของเรา หรือ 12 เท่า
หากรายได้ของเราไม่แน่นอนแต่คุณโยโกย ามะ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้
ได้ฟั นธงเลยว่า ดีที่สุดคือให้เก็บ 1 ปีไปเลย
และเป็นเงิ นเท่ากับรายได้ 1 ปี (ไม่ใช่รายจ่าย)เพื่อให้อุ่นใจว่า เราจะมีเงิ น
พอในการใช้ชีวิตและใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะแ ย่ขนาดไหนก็ตาม
ขอบคุณที่มา : na-aan