Home บทความ 10 บทเรียนความรัก ถ้ารับไม่ได้ อ ย่ า มีความรัก

10 บทเรียนความรัก ถ้ารับไม่ได้ อ ย่ า มีความรัก

ปิดความเห็น บน 10 บทเรียนความรัก ถ้ารับไม่ได้ อ ย่ า มีความรัก
0

1. ก่อนจะมีใคร เราก็อยู่ของเราเองมาได้ตั้งนาน

น่าแปลกที่คนอกหักหลายคนไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย ก่อนจะมีเค้า เราอยู่ยังไง ใช้ชีวิตยังไง สบายแค่ไหน

เป็นตัวของตัวเองขนาดไหน เราลืมมันไปหมดแล้ว เพราะความรักทำให้เราลืมนึกถึงตัวเองจริง ๆ แล้วในวันที่ความรักจบลง

 

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย เราก็ยังคงเป็นเราคนเดิม แค่เสี ยใจมากขึ้น ร้องไห้นิดหน่อย

แต่ไม่ได้มีอะไรแ ย่ลง เราแค่ต้องกลับมาใช้ชีวิตเหมือนเดิม กลับมาเป็นตัวของเราเองเพื่อที่จะมีรักครั้งใหม่

 

หรือเริ่มต้นใหม่ในแบบของเราก็เท่านั้นเองขึ้นชื่อว่าความรักย่อมมีทั้งสุขและทุ กข์แต่หลายคนเมื่อรัก

แล้วก็คิดแต่แค่ว่ารักจะนำความสุขมาให้ ทั้งที่ความจริงแล้ว รักพาความทุ กข์มาให้มากกว่าสุขเ สียอีก

 

2. อย่ าเอาความสุขของเราไปฝากไว้ที่ใคร

ความสุขของเรา..เราต้องกำหนดเอง เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเอาความสุขไปฝากไว้ที่ใคร

แปลว่าเค้าจะทำให้เราไม่มีความสุขแค่ไหนก็ได้ถ้าความสุขของเราคือการมีเค้า การที่เค้ารักเราตอบ

 

แปลว่าเมื่อวันใดวันหนึ่งที่เค้าจากไป ความสุขก็จะจากเราไปตลอดก าล เพราะแม้จะเป็นคนที่เรารัก

แต่เค้าก็ไม่ได้มีหน้าที่มาทำให้เรามีความสุข มันไม่ใช่เรื่องของเค้า..ชีวิตเรา ใจเรา ความสุขของเรา เราต้องดูแลเอง

 

3. บางครั้ง ‘รัก’ ก็ไม่ช่วยอะไรเลย

เรื่องแปลกอีกอย่ างของความรักก็คือ ถึงจะรักแค่ไหน แต่บางครั้งรักก็ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะความรักต้องประกอบด้วยคนสองคน

เมื่อไรก็ตามที่คนหนึ่งรัก แต่อีกคนหมดรัก ต่อให้เรารักเค้าแค่ไหน เราก็เป็นได้แค่คนที่เคยรักเท่านั้น

 

เมื่อไม่รักก็คือไม่รัก จะยื้อยุดฉุดกระชาก ขอร้องอ้อนวอนแค่ไหนก็ไม่เป็นผล สู้ยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

ใช้ชีวิตต่อไปในแบบที่ไม่มีเค้า เราอาจจะทุ กข์น้อยลงก็ได้

 

4. ไม่จำเป็นต้องเสี ยดายเวลา

ความรักไม่ได้แปรผันตามเวลา เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมานั่งเสี ยดายเวลา ถ้ารักนั้นทำให้เ จ็ บ ป ว ด หรือเสี ยใจ

จริงอยู่ที่ความรักอาจต้องใช้ความอดทน แต่ถ้าความรักทำให้เจ็ บซ้ำไป ซ้ำมาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องทน

 

แล้วปล่อยให้ตัวเองต้องเจ็ บต่อไป ด้วยเหตุผลเพียงแค่เพราะเสี ยดายเวลาเวลายิ่งนาน ยิ่งหมายความว่าเราควรต้องจบเพื่อไปเริ่มต้นชีวิต

ใหม่ได้แล้ว เราเสี ยเวลากับความเ จ็ บ ป ว ดมามากพอแล้ว อย่ าเสี ยดายเวลาที่ผ่ านมา แต่จงเสี ยดายที่ปล่อยเวลาไปกับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของเรา

 

5. อย่ าทนถ้ามันเริ่มเ จ็บ

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ความรักทำให้เ จ็ บ ป ว ด เราก็แค่ต้องเดินออกมา เราไม่จำเป็นต้องทน แค่เพราะ

“รัก” เพราะถ้ามีรัก ก็ต้องมีสุขมากกว่าทุ กข์ ถ้าวันไหนทุ กข์มากกว่าสุข จะทนไปทำไม

6. อย่ าเข้าข้างตัวเอง ถ้าเริ่มรู้สึกแปลก ๆ

เรื่องแปลกของความรักก็คือ แค่รักอย่ างเดียว มักไม่ค่อยพอ พอผ่ านช่วงเวลาแห่งรักไปแล้ว อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป

ถ้าสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้เราเริ่มรู้สึกแปลก ๆ อย่ าได้พย าย ามคิดเข้าข้างตัวเองเด็ดข าด

 

เพราะนี่คือสัญญาณเตื อนที่ไม่ควรมองข้าม แต่อย่ าถึงขั้นคิดไปเอง จับต้นชนปลายไปเอง

สิ่งที่ต้องทำก็คือพิจารณาสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นอย่ างเป็นกลาง ถอยออกมามองในมุมที่กว้างขึ้น ถ้าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เร

 

า จะคิดเหมือนกันไหม วิ ธีนี้ทำให้เราไม่เข้าข้างตัวเองโดยมีความรักมาบังตา

และการที่เราเชื่อสัญญาณเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ บางทีก็อาจทำให้เจ็ บน้อยลงก็ได้

 

7. ไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวัง

แต่ใครล่ะ..จะไม่คาดหวังในความรัก เพราะเมื่อรักไปแล้วก็ย่อมต้องคาดหวังให้อีกคนมารักตอบด้วยเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นไม่มีทางเลยที่ความรักจะอยู่บนพื้นฐานของความไม่คาดหวัง

 

แต่รู้ไหมว่า..เมื่อไม่คาดหวัง สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือจะไม่ผิดหวัง และถ้าเราไม่ผิดหวัง เราก็จะไม่เป็นทุ กข์

เพราะฉะนั้นถ้าเราอย ากมีรักในแบบที่ไม่ต้องทุ กข์ ไม่ต้องเ จ็ บ ป ว ด ก็ต้องมีความรักในแบบที่

 

ไม่ต้องคาดหวังว่ามันจะออกมาดี ว่ามันจะทำให้เรามีความสุข หรืออะไรก็ตาม

ความรักแบบนี้เป็นความรักที่ทำให้สบายใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย เพราะไม่ใช่ไม่รักกัน แต่รักกันแบบไม่ได้หวังให้อีกคนต้องมารักตอบ

 

8. ไม่เคยมีใครต า ย จากการอกหัก มีแต่ความอ่อนแอเท่านั้นที่ฆ่ าเราให้ต า ย

จริง ๆ แล้วไม่มีใครต า ย เพราะความรักที่ไม่สมหวัง อกหัก โดนเท หรือไม่มีใครรัก และต่อให้เจ็ บเจียนต า ย แค่ไหน

ร้องไห้มากแค่ไหน เวลาจะทำหน้าที่ของมันเองเวลาจะคอยเยียวย าให้จิตใจของเราแข็งแรงขึ้น แม้มันจะเจ็ บ แต่ก็ไม่ถึงกับ ต า ย

 

ถ้ามันยังเจ็ บ ยังป วดกับความรักนี้มากเกินจะทนไหว แปลว่าเรายังให้เวลากับความเ จ็ บ ป ว ดนั้นไม่พอ

สิ่งเดียวที่ทำให้ต า ย คือความอ่อนแอของเราเองที่ฆ่ าเรา ที่ทำให้เราคิดจบชีวิตตัวเองซะ

 

และเป็นความอ่อนแอนี่แหละที่ทำให้มโนไปเองว่าตัวเองไร้ค่าจนไม่มีใครมารักความเสี ยใจ

และส ารพัดความรู้สึกผิดหวังประเดประดัง

 

เข้ามาจนคิดอะไรไม่ออก นาทีนั้นสิ่งต่าง ๆ รุมเข้ามาในหัว ทั้งความรัก ความผูกพัน ความทรงจำ

และความสูญเ สีย สุดท้ายก็หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้จนตัดสินใจจบความผิดหวังนั้นซะด้วยชีวิต

 

9. คิดจะรักใคร ต้องรักตัวเองให้เป็น

จริง ๆ แล้วไม่มีความรักแบบไหนที่จะยั่งยืน มั่นคง และถาวรได้เท่ากับความรักที่เราจะมีให้ตัวเองอีกแล้ว

เพราะไม่มีใครรักเราได้มากเท่ากับตัวเราเองในทางพ ระพุทธศ าสนา การรักตัวเอง

 

คือการพย าย ามหาหนทางที่จะนำตัวเองออกจากกิเลสตัณหาให้ได้ แปลว่าถ้าเรารักตัวเองมากกว่าที่รักคนอื่น เราจะทุ กข์น้อยลง

ในทางโลก การรักตัวเอง คือการมองเห็นคุณค่าและเคารพในตัวเอง ไม่ทำร้ า ยตัวเองให้เ จ็ บ ป ว ดทั้งกายและใจ

 

ซึ่งตามหลักแล้วเราควรรักตัวเองให้ได้ก่อนที่จะรักคนอื่นเพราะถ้ารักตัวเองได้แล้ว เราจะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น

เข้าใจว่าไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เราต้องการได้ทั้งหมด สุดท้ายความรักก็จะอยู่บนพื้นฐานของความสบายใจที่จะรักกันและกัน

 

10. รัก = ทุ กข์

หลายคนไม่รู้ว่า “รัก = ทุ กข์” ไม่งั้นพ ระพุทธเจ้าคงไม่ตรัสไว้หรอกว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุ กข์” เพราะถ้าคิดจะรักก็ต้องรักให้เป็น

รักอย่ างมีสติเพื่อไม่ให้เป็นทุ กข์มากเกินไป เตื อนสติตัวเองตลอดเวลาว่าเมื่อมีความรัก

 

ก็ย่อมต้องมีทุ กข์และสุขปะปนกันไป เข้าใจและยอมรับให้ได้ถึงจะเรียกว่ารักเป็น

หลักการก็คือต้องใช้ความจริงเป็นที่ตั้ง คิดตามความเป็นจริง เข้าใจธรรมชาติของความรัก

 

เพราะท้ายที่สุดพ ระพุทธศ าสนาไม่ได้บอกว่าความรักไม่ดีหรือบอกว่าให้ทุ กคนไม่ต้องมีความรัก

เพียงแต่เตื อนสติเท่านั้นว่า “เมื่อคิดจะรัก ก็ต้องทุ กข์ให้เป็น”

 

ขอบคุณที่มา : predict-j55

Load More In บทความ
Comments are closed.

Check Also

ลักษณะผู้ชาย แ ม ง ด า ที่หวัง จะเกาะ ผู้หญิงกิน

1. เขามักจะบอกคุณอยู่เสมอ ว่าแม่เขาอย ากได้อะไร เขามักจ … …