บางทีการใจเย็นและการมีสตินั้น จะทำให้เราดูมีวุฒิภาวะเพิ่มมากขึ้นในการใช้ชีวิต เมื่อเราโตขึ้นเราต้องตัดนิสัย เ ด็ ก ๆ ทิ้งไป เช่น นิสัยชอบโวยวาย ใจร้อน ใช้ อ า ร ม ณ์ มากกว่าเหตุผล เพราะว่าการกระทำเหล่านั้น มักจะส่งผล เ สี ย ต่อเรามากกว่าผลดี ทำให้บางครั้งเราอาจจะ เ ดื อ ด ร้ อ น เพราะนิสัยเหล่านี้ได้
เชื่อเถอะนะว่าคนที่ใจเย็นและมีสติ มักจะดูมีเสน่ห์ในสายตาของคนอื่น มากกว่าคนที่มีนิสัยใจร้อน และขาดสติยับยั้งชั่งใจ อีกทั้งยังจะช่วยให้เรามีบุคลิกที่ดี ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งมันเป็นเสน่ห์ที่เราสามารถสร้างมันได้
เพราะฉะนั้นเวลาจะเกิดอะไรก็ตามเราควรที่จะใจเย็น และใช้สติในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จะดีกว่านะ เพราะมันดูเป็นคนมีวุฒิภาวะมากกว่าคนที่ใจร้อน ชอบโวยวายและใช้ อ า ร ม ณ์ ตัดสินมากๆ เลยล่ะ และเรามี 5 วิ ธี ฝึกเป็นคนใจเย็นมาฝาก ดังนี้ค่ะ
1. มีสติให้มากขึ้น
เชื่อว่าหลายคนก็คงต้องเคยวอกแวกทำในสิ่งที่เราไม่รีบร้อนแทนที่จะทำในสิ่งที่เร่งด่วนมากกว่าโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว นั่นก็เป็นเพราะเราไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญกับสิ่งต่างๆ ได้ หลายครั้งที่ความคิดของเรามักโดดไปมาระหว่างเรื่องนั้นเรื่องนี้ จนทำให้เราไม่สามารถควบคุมความคิดตนเองได้
ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เรารู้สึกยุ่ง ย า ก และวุ่นวายอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เรากลายเป็นคนเร่งรีบและมีความอดทนน้อยลง การมีสติและการตระหนักถึงความคิดของเราอยู่เสมอ จะช่วยทำให้เราสามารถจัดระเบียบความคิดของเราได้ดียิ่งขึ้น
ลองเขียนความคิดต่างๆ ของคุณลงในกระดาษดูค่ะ จะช่วยให้คุณจัดการความคิดของตัวเองได้ และทำให้เรารู้ว่าสิ่งใดที่ทำให้เรารู้สึกรีบเร่ง หรือทำให้เราไม่มีความอดทน วิ ธี นี้จะช่วยให้เราสามารถควบคุมความคิดไม่ให้วอกแวกได้ง่ายๆ ค่ะ
2. ฝึกตัวเองให้รู้จักการรอคอย
ความพึงพอใจที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับในสิ่งที่ต้องการทันทีทันใด แม้จะทำให้เรารู้สึกดี แต่นักวิจัยทาง จิ ต วิ ท ย า กลับมองว่ามันให้ความหมายที่ตรงข้ามกัน โดยในการศึกษาหนึ่งพบว่าการรอคอยบางสิ่งจะทำให้เรารู้สึกมีความสุขในระยะ ย า ว มากกว่า
ซึ่งการทำให้เรามีนิสัยการรอคอยที่ดีที่สุด ก็คือการฝึกตัวเองให้รู้จักการรอนั่นเอง โดยอาจจะเริ่มจากการรอในระยะเวลาสั้น ๆ สัก 10 นาที หรือการรอคอยรายการโทรทัศน์ที่ชอบที่ฉายในช่วงวันหยุด
เมื่อเราสามารถรอจนเป็นนิสัยได้แล้ว ก็จะทำให้เรามีความอดทนมากขึ้น อ ย่ า ง ไม่น่าเชื่อ แถมยังทำให้คุณมีความสุข และไม่หงุดหงิดเมื่อต้องพบกับสถานการณ์ที่ต้องรอนานๆ อีกด้วย
3. ฝึกยอมรับความ ย า ก ลำบากให้ได้
บางครั้งความสะดวกสบายก็ไม่ได้ดีเสมอไป เพราะความสะดวกสบายเหล่านั้นจะทำให้เรารู้สึกมีความอดทนน้อยลง และเมื่อเราต้องเจอกับความ ย า ก ลำบากเราจึงไม่สามารถอดทนกับมันได้
ดังนั้น เราจึงควรที่จะฝึกให้ตนเองทนกับความ ย า ก ลำบาก และความไม่สะดวกสบายให้ได้ และเมื่อเราสามารถอดทนกับสิ่งเหล่านั้นได้ เราก็จะมีความอดทนมากขึ้น และสามารถมีความสุข แม้ว่าต้องพบเจอกับสิ่งที่ดู ย า ก ลำบากก็ตาม
4. เอ่ยขอบคุณให้มากขึ้น
การขอบคุณมีประโยชน์มากมาย การวิจัยหนึ่งแสดงให้เห็นว่าการขอบคุณทำให้เรารู้สึกมีความสุขมากขึ้น เครียดน้อยลง และช่วยทำให้มองโลกในแง่ดีมากขึ้น และการศึกษาที่ถูกตีพิมพ์ในวาร ส า ร ด้านจิต วิ ท ย า P s y c h o l o g i c a l S c i e n c e ในปี 2014 ยังพบอีกว่า การขอบคุณสามารถช่วยให้เรามีความอดทนมากขึ้น
ขณะที่ Y e L i นักวิจัยและผู้ช่วยศาสตราจารย์จากคณะบริหารธุรกิจแห่ง ม ห า วิ ท ย า ลั ย แคลิฟอร์เนียริเวอร์ไซด์ ได้เปิดเผยว่า การที่เราแสดงออกว่าเรารู้สึก อ ย่ า ง ไรจะช่วยให้เราควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น แถมยังช่วยลดการขาดความอดทนลงได้
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่อง ย า ก ค่ะ ในการฝึกขอบคุณ ก็แค่เพียงเราเอ่ยคำว่าขอบคุณกับคนที่ทำบางสิ่งให้คุณด้วยรอยยิ้ม หรือนึกขอบคุณตัวเองเมื่อสามารถทำบางสิ่งได้ เมื่อเราขอบคุณจนเป็นนิสัย ก็จะทำให้เรามองโลกในแง่ดี และมีความอดทนมากขึ้นได้ อ ย่ า ง แน่นอนค่ะ
5. หายใจลึกๆ
เมื่อเรารู้สึกว่าหลายๆ สิ่งมันไม่เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้ การถอนหายใจแล้วหายใจเข้าลึกๆ ก็สามารถช่วยให้เราสงบจิตใจและ ร่ า ง ก า ย ตัวเองได้ ซึ่ง วิ ธี การผ่อนคลายง่ายๆ นี้จะช่วยทำให้ช่วยลดความกระวนกระวายใจที่ซึ่งจะนำพาความรู้สึกในแง่ลบต่างๆ อ ย่ า งเช่น อ า ร ม ณ์ หงุดหงิด เ สี ย ใจ ผิดหวัง หรือโกรธเคืองลงได้ค่ะ
ความอดทนเป็นสิ่งที่เราต้องฝึกฝนด้วยตนเอง เช่นเดียวกับการมองโลกในแง่ดี เพราะไม่มีใครสามารถช่วยเราได้ และมันก็ไม่ใช่เรื่อง ย า ก ที่เราจะทำ ถ้าหากเรามีความอดทนมากขึ้นเราก็จะมีความสุขมากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งของภายนอกเลยล่ะค่ะ
ที่มา bo h a t t o และ k a p o o k