1. รู้เขา รู้เรา
แค่เราใส่ใจนิสัยของคนรอบข้าง ก็ทำให้อยู่ร่วมกัน
ได้อย่ างไม่ย ากเย็นแต่เราจะต้องรู้จักระงับสติอ ารมณ์
ของเราด้วย เมื่อเรารู้แล้วว่าเขาเป็นคนแบบไหนหาก
เรารับนิสัยเขาไม่ได้ ก็อยู่ห่าง ๆ จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราวกัน
2. เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา
ปกติแล้วคำว่า “เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา” มักใช้เปรียบเปรย คนที่ฟังอะไรแล้ว
ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจไม่เปิดรับความคิดใหม่ ๆ แต่สำหรับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
การฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวานับเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้เรา
ไม่ทุ กข์ใจไปกับลมปากของคนอื่น
3. หายใจเข้า-ออกลึก ๆ
การหายใจเข้าออกลึก ๆ นาน ๆ จะทำให้เราได้มีสติยั้งคิด ถึงเรื่องราวที่
เกิดขึ้นและทำให้ร่า งกายเราได้รับการผ่อนคลาย จากลมหายใจที่รับเข้า
และส่งออกดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป
ให้ระลึกถึงลมหายใจไว้เสมอ
4. ไม่หนีแต่ไม่ปะทะ
หากเราไม่สามารถจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้
แต่จะเก็บเอาไว้ก็กลัวจะกลายเป็นคนเก็บกดจะเดินหนีก็จะกลายเป็นคนไม่
ยอมรับความจริง หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คงต้องใช้สติที่รอบคอบตัดสิน
ใจในการแก้ปัญหารับฟังสิ่งที่ผู้อื่นว่ามา แล้วก็นำไปปรับปรุงในส่วนที่ไม่ดี
หากแต่เป็นสิ่งที่เขาพูดพร่ำเพรื่อก็ไม่ต้องกังวลให้เ สียเวลา เลิกคิดไปเลย
ไม่จำเป็นต้องไปต่อปากต่อคำด้วย เพราะการทำเช่นนั้น ไม่ได้ส่งผลดีอะไรขึ้นมาเลย
5. ยิ้มแห่งสย าม รอยยิ้มสร้างโลกนี้ให้สดใสได้
เหมือนดังคำที่บอกว่า ถ้าคุณยิ้ม..โลกก็จะยิ้มให้คุณเพียง
แค่คุณมีรอยยิ้มให้คนรอบข้าง คนรอบข้างก็จะอ ารมณ์ดีขึ้นไปด้วย
6. กินอย่ างมีสติ
บางครั้งเราก็กินไปด้วย คุยโทรศัพท์ไปด้วย บางครั้งก็กินไปด้วย ดูจอทีวี-จอมือ
ถือไปด้วยแล้วครั้งสุดท้ายที่กินอาหารทีละคำ รับรสชาติ
แล้วขอบคุณอาหารในมื้อนั้น คือเมื่อไหร่กันหรือ ?
7. ทำงานอย่ างมีสติ
ท่ามกลางมรสุมงาน และการติ ดต่อผู้คนมากมายตลอดวัน เราก็สามารถ
ฝึกสติ รู้เนื้ อรู้ตัวได้ง่าย ๆเพียงหลับตาลง หายใจเข้า-ออกลึก ๆ สัก 5
รอบลมหายใจ ให้สติตามลมหายใจ โดยไม่คิดเรื่องอื่นแล้ว
ค่อยกลับไปโฟกัสกับงานตรงหน้าใหม่อีกครั้ง
8. ตื่นอย่ างมีสติ
แทนที่จะตื่นมาแล้วเช็คข่าวส ารจากโซเชียลมีเดียเป็นอย่ างแรก ให้เวลา
ตัวเองซัก 5 ถึง 10 นาทีนั่งสมาธินิ่ง ๆ ก่อนจะรับข่าวส ารอื่น ๆ
เพื่อช่วยให้การเริ่มต้นวันใหม่เป็นไปอย่ างมั่นคงในอ ารมณ์
9. เดินอย่ างมีสติ
เดินไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกขอบคุณทุ กสิ่งทุ กอย่ าง ขอบคุณร่า งกาย
ที่ยังมีกำลังมากพอให้สามารถเดินได้ขอบคุณถนนหนทาง
ที่สะดวกสบายมากพอจนเดินก้าวไปได้ และเดินด้วยใจกรุณา
ด้วยความรู้สึกว่าอย ากสร้างแต่รอยย่ำอันงดงามให้กับโลกใบนี้
10. ปล่อยวางไม่ยึดติ ด
ปัญหาที่เกิดขึ้นทุ กวันนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคนเรามีอัตตามากเกินไป หากเราลอง
เปลี่ยนความคิดไม่ยึดติ ดกับตัวตน แล้วลองคิดว่า สุดท้ายวันหนึ่งเราก็ต้อง
แต กดับและสล ายไป วนเวียนเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป เพราะฉะนั้น ถ้า
เรายอมรับกับวัฏจักรแห่งการเกิดดับนี้แล้วไม่ว่า
เรื่องใด ๆ ก็คงเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
11. ฝึกสมาธิ
การฝึกสมาธิให้ใจสงบนั้นมีหลายรูปแบบ จะนั่งสมาธิหรือเดินสมาธิ
ก็ได้ อย่ างที่ผมเคยเขียนในเล่มก่อน ๆ ว่าเมื่อมีสมาธิ
ก็มีสติ เมื่อมีสติ ก็เกิดปัญญา เวลาเกิดปัญหาก็จะมีทางแก้ไข
12. รู้จักขอโ ทษ
หากเราทำผิด การใช้คำว่าขอโ ทษนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด ไม่ใช่เรื่องย ากเลย
ถ้าเราจะต้องเอ่ยคำขอโ ทษเพราะคำนี้ไม่ได้ทำให้ศักดิ์ศรีของเราต กต่ำ
ลง หากแต่เป็นการรู้จักยอมรับในสิ่งที่ตนเองผิดต่างหากอีกทั้งยังจะทำ
ให้สถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ คลี่คลายลงได้ อย่ างไรก็ตาม เราไม่ควร
ใช้คำขอโ ทษอย่ างพร่ำเพรื่อเพราะจะทำให้ติ ดเป็นนิสัยที่ไม่ดี ทำอะไรก็ไม่ระมัดร ะวัง
13. นับหนึ่งให้ถึงสิบ
เริ่มจากวิ ธีพื้นฐานอย่ างนับเลขในใจ เวลาที่เรา
โกรธใคร ให้ลองนับหนึ่งถึงสิบหรือจะนับถึงร้อยถึงพัน
ก็คงไม่มีใครว่าเพราะการนับเลขจะส่งผลให้เรามีสมาธิ และ
ยังได้มีเวลาไตร่ตรองคิดถึงสิ่งที่ผู้อื่นทำกับเรา และสิ่งที่เรากำลังคิดจะทำด้วย
14. สนทนาอย่ างมีสติ
ฟังอย่ างตั้งใจ ฟังโดยไม่คิดตัดสินคู่สนทนา เปลี่ยนสภาพตัว
เองให้เป็นเหมือนภาชนะว่างเปล่าที่พร้อมรับฟังบุคคลตรงหน้า ขณะที่เมื่อ
พูดก็ตระหนักถึงความงดงามของความสัมพันธ์ระหว่างคุณและคู่สนทนา
สื่อส ารด้วยความรัก ด้วยความหวังดี ด้วยใจที่อย ากจะสร้างสรรค์ความหมายดี ๆ ระหว่างกัน
15. คิดมากไปหรือเปล่า
อาการคิดมาก เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดโ รคได้ ยิ่งอากาศร้อน ๆ ยิ่งเหตุการณ์อะไร ๆ ก็
ไม่เป็นใจด้วยแล้วยิ่งทำให้ร้อนรน เมื่อเกิดเรื่องก็จะยิ่งเก็บมาคิด จนไม่เป็น
อันกินอันนอนลองเปลี่ยนจากความคิดเรื่องแ ย่ ๆเปลี่ยนเป็นคิดเรื่องดี ๆ บ้างสิครับ
เพราะความคิดนั้นเป็นตัวกำหนดวิถีชีวิตของเรา ไม่เชื่อลองทำดู คิดดี ทำดี เท่านี้พอ
ขอบคุณที่มา : forlifeth