ในสังคมทุ กยุคทุ กสมัย ไม่มียุคไหนที่ไม่มีคนเจ้าชู้ ถ้าเรามองผ่ าน ๆ โดยใช้กิเลสเป็นตัววัด เรามักจะอิ จฉาริ ษย าคนเจ้าชู้เสมอ
ที่เขาหรือเธอมักจะได้เ ส พสมใจในกิเลส มักจะได้คบหารู้จัก ส ม สู่กับคนมากหน้าหลายตาอยู่เสมอนั่นคือมุมมองที่เรามองจาก
กิเลสไปสู่กิเลส สิ่งเหล่านั้นย่อมจะดูน่าเ ส พ น่าได้ น่ามีเป็นธรรมดาตามประสาโ ล กี ย ะ
แต่ถ้ามองกันตามจริงนั้น คนเจ้าชู้นี่แหละคือคนที่น่าสงส ารที่สุดในโลก เพราะตลอดเวลาที่เขาได้แสดงความเจ้าชู้ ด้วยถ้อยคำหวาน
คำหยอกเย้ า หว่านเสน่ห์หรือกระทั่งนอกใจคู่ครองของตน ไม่มีการกระทำใดเลยที่เป็นบุญ ตลอดเวลาเขาได้กระทำบาปซ้ำซ้อนและ
บาปที่เขาทำนั้นก็ยังจะไปดูดดึงให้คนอื่นได้ร่วมบาปไปกับเขาอีก
คนเจ้าชู้นั้นจัดอยู่ในลักษณะของอบ ายมุข ซึ่งโดยวิถีชีวิตแล้วก็มักจะมีเรื่องของอบายมุขอื่น ๆ ติ ดมาในชีวิตด้วย เช่นอบ ายมุขห ย า บ ๆ
ที่รู้กันโดยทั่วไปคือ กินเ ห ล้ า สู บ บุ ห รี่ เ ส พย าเ ส พติ ดให้มัวเ ม า เล่นการพ นั น เที่ยวกลางคืน ฯลฯและยังมีอบายมุขหย าบอีกมาก
มายที่คนมองไม่เห็นว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นอบ ายมุข เช่น หุ้น การบ้ าดารา การหลงในของสะสม การแต่งรถ การชอบเที่ยวเล่นไปในที่ต่าง ๆ
เช่น เที่ยวกินต่างประเทศ ฯลฯ ลักษณะเหล่านี้เป็นกิเลสหย าบในระดับอบ ายมุขทั้งสิ้นซึ่งเป็นเครื่องล่อหรือเครื่องมือให้คนเจ้าชู้ใช้กิเลส
เหล่านี้มาเป็นสิ่งที่ทำให้ตนได้มาเ ส พสมใจในสิ่งต่าง ๆกิเลสแต่ละตัวจะเติมเต็มกันและกัน เมื่ออย ากเ ส พสิ่งใดมากเข้าก็จะเพิ่มกิเลสตัว
อื่นไปในตัว เช่น เมื่อเราอย ากเที่ยว เราก็อย ากกินของอร่อย พอกินของอร่อยก็อย ากถ่ายรูปอ วด
พออย ากถ่ายรูปอ วดก็อย ากแต่งตัวสวย พอรู้สึกว่าตัวเองสวยก็เริ่มอย ากตรวจสอบความนิยม พอมีคนเข้ามาให้เลือกมาก ๆ ก็เริ่มคิดที่จะมีคู่
พอมีคู่ได้เ ส พสมใจบางอย่ างแล้วก็ติ ดใจ วันใดที่เริ่มไม่ได้เ ส พได้ดั่งใจเหมือนก่อนหรือเบื่อรสชาติเดิม ๆ ก็จะหาสิ่งใหม่มาเ ส พ นี่แหละ
อบ ายมุขกับความเจ้าชู้มันจะค่อย ๆ เติมเต็มกันและกัน
ผลก ร ร มของคนเจ้าชู้
ผลก ร ร มที่เห็นได้เด่นชัดของคนที่เจ้าชู้คือ ได้รับความเ จ็ บ ป ว ดจากความเจ้าชู้อย่ างเลี่ยงไม่ได้ แม้ได้เจอกับคนเจ้าชู้และแม้จะรู้ว่าสุดท้าย
ต้องเจ็ บ แต่ก็จะหลงเชื่อมั่นจนหมดตัวหมดใจยอมพลีกายพลีใจให้เขาไปหมด หน้ามืดตามัว แม้ใครจะเตื อนก็ไม่ฟัง แม้มีหลักฐานก็ไม่เชื่อ
สุดท้ายก็ต้องโดนเขาท อดทิ้ง ปล่อยปละละเลย กลายเป็นอดีตของคนเจ้าชู้คนนั้น
ดังที่หลายคนเจออยู่ในทุ กวันนี้ เพราะก ร ร มที่เราทำมานั่นเองคนเจ้าชู้นี่เป็นคนที่น่าสงส ารที่สุดเพราะเขาหลงว่าความเจ้าชู้นั่นเป็นสิ่งดีที่เขา
ภูมิใจโดยไม่รู้ว่ามันสร้างบาปเ ว รภั ยให้กับเขาและผู้อื่นมากมายขนาดไหนการเจ้าชู้เกิดขึ้นเพราะเขาไม่เชื่อในเรื่องก ร ร มและผลของก ร ร ม
คนที่ไม่เจ้าชู้นั้นก็เพราะเขากลัวในเรื่องบาปก ร ร ม ส่วนคนเจ้าชู้นั้นจะไม่เชื่อ ไม่ชัดเจนในเรื่องของก ร ร ม
ส่วนใหญ่มักคิดว่าเกิดมาชาติเดียวต้องใช้ชีวิตให้คุ้ม เป็นความหลงผิดอย่ างร้ า ยแรงของจิตวิญ ญาณด วงหนึ่ง เมื่อไม่เชื่อในเรื่องก ร ร ม ก็ไม่มี
ความดีความชั่ วที่ส่งผลข้ามภพข้ามชาติ สุดท้ายก็จะเหลือแต่การหามาเ ส พสมใจโดยไม่สนใจก ร ร มชั่ วเหมือนกับคนที่อดอย ากมานานพอได้
มาเจออาหาร ก็มักกินอย่ างตะกละตะกลามเหมือนกันกับคนเจ้าชู้
เขาเองไม่เคยได้เ ส พไม่เคยได้ครอบครอง พอมีโอกาส เกิดมาร วย เกิดมาหน้าตาดีถึงแม้ไม่มีก็พย าย ามจะทำให้เป็นให้มีเพื่อให้ได้เ ส พ และพอมี
โอกาสเ ส พก็จะเ ส พอย่ างเต็มที่ มัวเ ม าในอบายมุข ก าม โลกธรรม อัตตา เ ม ากิเลสอยู่แบบนั้นโดยไม่รู้ว่าก ร ร มและผลของก ร ร มนั้นมีจริง เป็น
เรื่องจริงที่ส่งผลข้ามภพข้ามชาติ เป็นสิ่งทำให้เหล่าสัตว์เกิดมาดีเ ล ว ขาวดำ สูงต่ำ ร วยจน ฯลฯ แต กต่างกัน
สิ่งที่จะได้รับจากความเจ้าชู้นั้นหนักหนามากมายเหลือประมาณ เพราะผิดศีลข้อ ๓ เต็ม ๆ ไม่ว่าจะเจ้าชู้ทางกาย วาจา หรือแม้แต่ใจก็ยังผิด น รกนั้นเปิด
ประตูต้อนรับคนเจ้าชู้เสมอทั้งตอนที่ยังมีชีวิตอยู่และตอนต า ย น รกเกิดทันทีในจิตของคนเจ้าชู้นั้น ๆ ตั้งแต่เริ่มคิดทำชั่ ว และเกิดไปจนกว่าจะได้รับผล
ก ร ร มชั่ วที่ทำไว้หมดสิ้น แม้จะเกิดชาติใหม่เป็นคนดีไม่เจ้าชู้ แต่ก็ยังต้องมารับก ร ร มที่ตัวเองเคยเจ้าชู้ไว้ตั้งแต่ชาติปางก่อน
ความเจ้าชู้จะจบลงที่ตรงไหน
คนเจ้าชู้นั้นจะไปจบตรงไหนและจะหยุดได้เมื่อไหร่นั้น หากมองกันเพียงสั้น ๆ ในชีวิตนี้แล้ว คนเจ้าชู้เขาก็เจ้าชู้ไปได้แค่ทุ กข์สุดทุ กข์นั่นแหละ คือการ
เจ้าชู้นี่มันต้องไปทำผิดอยู่แล้วไม่ว่ากาย วาจา ใจ ซึ่งวันใดวันหนึ่งพอผลก ร ร มที่ทำไว้สุกงอมร่วงหล่นลงมาเกิดเป็นเหตุการณ์เช่น ทำให้ใครเขาท้ อง
หรือตัวเองท้ องเอง ,ไปเจ้าชู้กับแฟนเพื่อน ,
ไปเจ้าชู้กับนักเ ลง,ติ ดโ ร คร้ า ยแรง,เสี ยทรัพย์หมดตัวเพราะมัวเ ม า ฯลฯ ก็อาจจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้ ซึ่งเขาก็อาจจะสามารถหยุดความเจ้าชู้ลงในชาติ
นั้น ๆ ได้แต่หากได้โงหัวผงาดขึ้นมาใหม่ เช่น ร่ำร วย หรือเปลี่ยนถิ่นที่อยู่ ก็อาจจะเป็นโอกาสที่เขาจะได้แสดงความเจ้าชู้อีกครั้ง ทำชั่ วสะสมมากเข้าจน
กระทั่ง ต า ย แม้ว่าจะ ต า ย ก็ยังไม่จบเพราะกิเลสไม่ ต า ย ความ ต า ย
ในเชิงความเข้าใจของโลกนั้นดูเหมือนว่าทุ กอย่ างจะจบ แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนภพ เปลี่ยนร่างไปสู่อีกร่างหนึ่งแต่คนที่เจ้าชู้ ย ากนักที่จะ
ได้เกิดเป็นคนอีก อาจจะกลายเป็นห มู เป็นหมา เป็นวัว เป็นควาย ให้เขาตอน ให้เขาผสมพันธุ์ ต้องรับก ร ร มจากการที่ไปเจ้าชู้กับคนอื่นนานแสนนานจนกว่า
จะใช้ก ร ร มหมด จนได้เกิดเป็นคนอีกครั้ง
ทีนี้พอเกิดเป็นคนแต่กิเลสยังไม่ต า ย กิเลสตัวเจ้าชู้ยังมีอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ ก็ทำบาปเ ว รภั ยต่อไปอีกเรื่อย ๆ เกิดแล้วต า ย วนเกิดเป็นสัตว์เป็นคนเจ้าชู้
ไม่รู้กี่ภพกี่ชาติต้องทรมานและ ต า ย เพราะความเจ้าชู้นั้นไม่รู้กี่ครั้ง จนกระทั่งชาติใดชาติหนึ่งก็เริ่มที่จะเข็ดขย าดกับความเจ้าชู้ เริ่มหันมาเป็นคนดีบ้าง แต่ก็
ต้องพบกับก ร ร มที่ตัวเองเคยเจ้าชู้มาก่อนเข้ามาอัดซ้ำแล้วซ้ำอีก
แล้วก็วนเวียนกลับไปเป็นคนเจ้าชู้อีกเพราะกิเลสยังไม่ต า ย วนกลับไปกลับมาระหว่างคนเจ้าชู้กับไม่เจ้าชู้นี่แหละ สุดท้ายก็ติ ดดีเกลียดเจ้าชู้วนเวียนไปนาน
แสนนานจนกว่าจะพบกับครูบาอาจารย์ที่สอนวิ ธีดับกิเลสพอได้รู้วิ ธีดับกิเลสแต่ ก็ขี้เกียจ หวงกิเลส ไม่เชื่ออีก ก็ต้องเกิดต า ย เกิดต า ย อยู่หลายชาติจนพบว่า
ไม่มีทางใดพ้นทุ กข์นอกจากการดับกิเลส เมื่อรู้ดังนั้นก็ต้องเพียรดับกิเลสกันอยู่หลายภพหลายชาติ ต า ย
แล้วก็เกิดมาสู้กิเลสใหม่ กิเลสก็ยังไม่ต า ย สักทีจนในที่สุดวันที่เพ่งเพียรพย าย ามอย่ างเต็มที่ได้มาถึง เมื่อได้ปฏิบัติสัมมาอริยมรรคซึ่งเป็นทางเดินสู่การพ้น
ทุ กข์คือการดับกิเลสในจิตวิญญ าณให้สิ้นเกลี้ยงก็จะได้รับผลเป็นปัญญารู้แจ้งในกิเลสเรื่องเจ้าชู้นั้น ๆ รู้ทุ กเหลี่ยมทุ กมุม ทุ กข์โท ษภั ย ผลเ สีย รู้ก ร ร ม
และผลของก ร ร ม รู้ว่าการฆ่ ากิเลสนี้ย ากเพียงไร
พอมีความรู้มีธรรมอันนี้จริงในวิ ญญ าณแล้วก็ถือว่าเป็นสุดท้าย เป็นตอนจบของความเจ้าชู้แล้ว หลังจากนั้นคือเอาความรู้ที่ได้จากการปราบความเจ้าชู้ไปสอน
คนอื่นเพื่อพัฒนาปัญญา เพิ่มกุศลที่ต้องใช้เพื่ออาศัยในชาติภพต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นพลังในการทำล ายกิเลสตัวอื่นที่ยังเหลืออยู่ต่อไป
ขอบคุณที่มา : smileroyyim