1. เลิกคาดหวังให้คนอื่นรู้ใจ
“แหม..ไม่รู้เลยหรือไง ว่าวันนี้ฉันอย ากกินข้าวขาห มู” เ สียงบ่นพึมพำปนหงุดหงิดเมื่อเห็นอาหารที่
วางอยู่ตรงหน้าเป็นข้าวมันไก่ที่เพื่อนร่วมงานซื้อมาให้“ไม่รู้หรือไง..ว่าฉันกำลังหิวข้าว อ ารมณ์ไม่ดี
มาถามอะไรเซ้าซี้อยู่ได้”“ไม่รู้หรือไง….ฯลฯ” การคาดหวังให้คนอื่นต้องรู้ใจทุ กครั้ง ว่าตอนนี้คุณกำลัง
คิดหรือรู้สึกเช่นไรต้องการอะไร แบบไหน
เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ดังสำนวนไทยที่ว่า “รู้หน้า ไม่รู้ใจ”ซึ่งมันทำให้คุณต้องเสี ยความรู้สึก
เสี ยอ ารมณ์ เสี ยใจ และอีกส ารพัดจะเสี ยทางที่ดีควรบอกไปตรงๆถึงความรู้สึกและความต้องการของ
คุณ แล้วคุณจะไม่ผิดหวังอีกเลย
2. เลิกคาดหวังคนอื่นให้เป็นแบบที่คุณอย ากให้เป็น
“ทำไมแกไม่เป็นคนฉลาดแบบเขาบ้างวะ” เมื่อคุณคาดหวังให้คนอื่นเป็นอย่ างที่คุณต้องการคุณก็จะมอง
ไม่เห็นคุณค่าด้านอื่นๆของเขาเลย จริงอยู่เขาอาจจะไม่ฉลาด แต่เขาก็เป็นคนดี ซื่อสัตย์ซึ่งเป็นเรื่องที่คน
ฉลาดอาจไม่มีก็ได้ เพราะฉะนั้น คุณต้องมองให้เห็นสิ่งดีที่เขามีอยู่
(แต่อาจไม่ใช่แบบที่คุณต้องการให้เป็น) เพราะทุ กคนมีความงดงามในตัวเองเสมอเพียงแค่มองทะลุเปลือก
นอกเข้าไป ก็จะเห็นตัวตนอันงดงามของเขามากขึ้นเท่านั้น
3. เลิกคาดหวังให้คนอื่นมานับถือ
“ทำไมไม่เห็นมีใครนับถือฉันเลย เห็นฉันเป็นอะไรเนี่ย” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ใหญ่โตแค่ไหนหรือแ ก่ชราเพียงใด
หากคุณทำตัวไม่น่านับถือ น่าศรัทธา การคาดหวังให้คนอื่นมานับถือ ศรัทธาย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น อย่ ามัวเสี ย
เวลาแสวงหาความนับถือจากผู้อื่น ถ้าคุณยังไม่ทำตัวเองให้นับถือตนเองได้เสี ยก่อน หากวันใดที่มองดูตัวเองใน
กระจกแล้วยกมือไหว้ตัวเองได้อย่ างสนิทใจเมื่อนั้นคุณย่อมได้รับการเคารพนับถือจากผู้อื่นเช่นกัน
4. เลิกคาดหวังให้คนอื่นเห็นด้วยกับคุณ
“เธอน่าจะเห็นด้วยกับฉันนะ เรื่องดีๆแบบนี้” บางที “เรื่องดีๆแบบนี้” ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีคนอื่นเห็นด้วยกับคุณ
เสมอไป เพราะทุ กคนต่างก็มีความคิด มีชีวิตจิตใจของตัวเองสิ่งที่ถูกต้องดีงามสำหรับคุณ ไม่จำเป็นต้องดีงาม
เหมาะสมสำหรับคนอื่นเสมอไปดังนั้น
จึงไม่ควรคาดหวังให้คนอื่นเห็นคล้อยตามคุณทุ กเรื่อง เพราะว่ายังมีเหตุปัจจัยอีกหลายอย่ างที่ทำให้การมองใน
สิ่งเดียวกันนั้น เห็นแต กต่างกันออกไป และเมื่อมองในมุมกลับคุณเองก็คงไม่ได้เห็นด้วยกับคนอื่น
ทุ กเรื่อง..ใช่หรือไม่ ?
5. เลิกคาดหวังให้คนอื่นมาชื่นชม
“โอ๊ย..ทำดีขนาดนี้แล้วยังไม่ชอบเราอีก” คนส่วนใหญ่มักคาดหวังให้คนอื่นมาชื่นชมแต่หลายคนก็ต้องผิดหวัง
และเป็นทุ กข์ เมื่อสิ่งที่คาดหวังนั้นกลับเป็นตรงกันข้ามทางพ ระท่านสอนว่า การทำดี จะมีใครเห็นหรือไม่นั้น
ไม่จำเป็น เพราะการกระทำนั้นมันดีแล้ว
ตั้งแต่ที่เราทำ และก็นำความชื่นอกชื่นใจมาให้ผู้ทำเสมอทุ กครั้งที่ได้ระลึกถึงไม่ว่าคนอื่นจะชื่นชมหรือไม่ก็ตาม
การคาดหวังว่าคนอื่นจะมาชื่นชมชื่นชอบในการทำดีของคุณจะทำให้คุณเป็นทุ กข์เมื่อไม่มีใครเห็น จำไว้เสมอว่า
ทุ กครั้งที่คุณทำเรื่องดีหรือ ชั่ ว ถึงใครไม่เห็น คุณนั่นแหละเห็น
6. เลิกคาดหวังให้คนอื่นต้องเป๊ะทุ กเรื่อง
“ทำไมทำงานครั้งนี้ ไม่ดีเหมือนครั้งก่อนล่ะ” ทุ กคนล้วนมี ด้านมืดและสว่างอยู่ในตัวเองไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทั้ง
หมด บางคนปากร้ า ย แต่ใจดี บางคนร่า งกายพิก ารแต่สม องเป็นเลิศ ดังนั้น การคาดหวังให้คนอื่นต้องเลิศเลอเพอร์เฟ็ค
หรือเป๊ะทุ กเรื่องอยู่ตลอดเวลานั้น
จึงเป็นการคาดหวังที่มากเกินจริง ที่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนเพราะมนุษย์ปุถุชนย่อมมีรัก โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา
หากเข้าใจความจริงดังนี้แล้วคุณก็จะรู้จักให้อภั ยย ามที่เขาทำไม่ดีหรือผิ ดพลาดไป
7. เลิกคาดหวังให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงในทันที
“เลิก สู บ บุ ห รี่ ไ ด้ แ ล้ ว มิฉะนั้น ฉันจะเลิกกับคุณ” การคาดหวังให้ใครบางคนเลิก ทำพฤติก ร ร ม บางอย่ างในทันที
คุณอาจผิดหวังได้ โปรดจำไว้ว่า ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้ หากคนนั้น ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองคุณจึงไม่
ควรพย าย ามไปเปลี่ยนแปลงใคร เพราะเมื่อคุณพย าย ามเปลี่ยนแปลงคนอื่น
แล้วเขา ยังคงเหมือนเดิม คุณก็จะเป็นทุ กข์ แต่หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงเขาจริงๆต้องหาวิ ธีการต่าง ๆ ทำอย่ างค่อย
เป็นค่อยไป ใจเย็นๆ อดทน และรอคอย ผลที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้คุณชื่นใจก็เป็นได้
ขอบคุณที่มา : stand-smiling