1. ฝึกทำอะไรให้ได้มากกว่าหนึ่งอย่ าง
เป็นปกติขององค์กร ที่ในใจลึก ๆ เขาก็อย ากให้บุคลากรทำงานได้มากกว่า 1 อย่ าง
ต้องไม่ลืมว่านี่คือการทำธุรกิจที่แต่ละองค์กรต่างก็ต้องแสวงหาผลกำไร
การจ้างงานคนก็ย่อมต้องการผู้ที่จ้างแล้วคุ้มที่สุด นั่นแปลว่าบุคลากรที่เ งินเดือนค่อนข้างสูง
บริษัทอาจคาดหวังว่าควรจะทำอะไรได้มากกว่าหน้าที่ประจำ
อย่ างน้อยก็เพิ่มมาอีกสักอย่ างสองอย่ างจะได้ไม่ต้องจ้างบุคลากรเพิ่มเพื่อลดต้นทุน
เพราะการที่บริษัทต่าง ๆ นำ AI มาใช้กับธุรกิจก็เพื่อลดกำลังคน
เนื่องจาก AI เป็นเทคโนโลยีที่ลงทุนแค่ครั้งเดียวแต่สามารถใช้งานได้หลายปี AI และไม่มีปากมีเ สียง
ในขณะที่แรงงานคนต้องจ่ายค่าจ้างทุ กเดือน
ทั้งประสิทธิภาพการทำงานของคนก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่แน่นอนตามสภาวะจิตใจและสภาพแวดล้อม
ทั้งยังจะมีปัญหากับการทำงานร่วมกับผู้อื่นนั่นหมายความว่า AI สามารถทำงานได้คุ้มทุนและรั กษา
มาตรฐานการทำงานได้ดีกว่าแรงงานคน
2. พัฒนาทักษะและความสามารถ
ถึง AI จะฉลาด แต่ AI ก็เกิดขึ้นมาเพราะสติปัญญาของคน ฉะนั้น ยังไม่สายที่จะพัฒนาตัวเอง
ถึงจะฉลาดเท่าหรือมากกว่าไม่ได้ (เพราะเป็นไปได้ย าก)
แต่ก็ยังจะมีประโยชน์ต่อองค์กรมากกว่าคนที่ไม่คิดจะปรับตัวอะไรเลย ตัวอย่ างที่เราเห็นได้ชัดในปีนี้
ก็คือตลาดแรงงานได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก
ทั้งผลพวงจากโ รคระบ าดที่หลายคนต้องพักการทำงาน แต่ขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็ไม่ได้หยุดพัฒนา
และพร้อมที่จะขึ้นมามีบทบาทแทนมนุษย์ในอนาคตอันใกล้
อีกทั้งการแข่งขันระหว่างธุรกิจในปัจจุบันก็ค่อนข้างสูงเพราะต่างก็ต้องพยุงให้ธุรกิจตัวเองอยู่รอด
การลดต้นทุนเป็นสิ่งแรกที่องค์กรจะทำ ทำให้บุคลากรที่มีทักษะ
ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดก็เ สี่ยงต กงานสูงจึงจำเป็นที่เราควรจะพัฒนาทักษะความสามารถ
ของตนเอง อย่ างน้อยก็ควรจะพัฒนาในสิ่งที่ตนเองชอบหรือถนัดให้ได้บ้าง
เช่น ทักษะทางภาษาที่ 2 ที่ 3 ทักษะทางเทคโนโลยี (จะได้ใช้ประโยชน์และอยู่ร่วมกับ AI ได้)
ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่น (เพราะ AI ไม่มีสังคมเหมือนมนุษย์)
ทักษะในการคิดวิเค ราะห์ การรับมือปัญหาที่ซับซ้อน เป็นต้น
3. ฝึกใช้ความคิดให้มาก ๆ
อย่ างที่บอกว่าข้อได้เปรียบที่มนุษย์มีเหนือกว่า AI คือการทำงานที่ต้องใช้ความละเอียดทางประสาท
และการมองเห็นงานที่ใช้ความสร้างสรรค์ และงานที่ใช้ความฉลาดทางสังคม
ถึง AI จะฉลาดมาก แต่ AI ไม่มีอ ารมณ์ความรู้สึก มันทำงานตามคำสั่งที่เราป้อนเข้าไป
ดังนั้น งานอะไรก็ตามที่ยังต้องใช้อ ารมณ์ความรู้สึก ใช้ความละเอียดรอบคอบ
ใช้สม องสร้างสรรค์อย่ างซับซ้อนงานที่มีประสิทธิภาพสูง ๆ หรือการแก้ไขปัญหาแปลก ๆ
ยังมีแค่มนุษย์ที่ (ศักยภาพสูง) ทำได้คนกลุ่มนี้จึงมีโอกาสที่จะไปต่อได้อีกนาน
พอสมควร เพราะ AI ยังทำหน้าที่วิเคร าะห์ได้อย่ างละเอียดลึกซึ้งแทนคนไม่ได้ในอนาคตอันใกล้นี้
4. เรียนรู้ที่จะทำงานกับ AI
เมื่อประเมินความสามารถของตนเองแล้วพบว่าตัวเองยังเอาตัวรอดในยุคที่ AI ครองเมืองได้อยู่
จะดีกว่าไหมถ้าเราจะพย าย ามขึ้นอีกนิดเพื่อให้ทำงานร่วมกับ AI ได้อย่ างสงบสุข
พูดง่ายก็คือ ไหน ๆ ก็คงห้ามบริษัทไม่ให้เอา AI มาทำงานไม่ได้ ก็ใช้ประโยชน์จาก AI เสี ยเลย
จากการศึกษาของ Carl Benedikt Frey และ Michael A. Osborne
นักวิจัยจากมหาวิทย าลัยออกซฟอร์ดกล่าวว่าข้อจำกัดของ AI ที่ยังทำงานแทนคนในระยะเวลา
อันใกล้นี้ไม่ได้ คือ งานที่ใช้ความละเอียดทางประสาทและการมองเห็น
งานที่ใช้ความสร้างสรรค์ความประณีต และงานที่ใช้ความฉลาดทางสังคม ในเมื่อเรารู้แล้วว่า AI
ทำอะไรได้ไม่ได้ก็ใช้ความสามารถของตนเองไปเติมเต็มจุดด้ อยของมันซะ อย่ างน้อย ๆ
เราก็ยังพอทำงานเป็นคู่หูกับ AI ได้
5. เตรียมตัวรับมือ
เป็นความคิดที่พื้นฐานที่สุดแล้ว เพราะทุ กวันนี้ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หรือเรื่องที่จะรู้เฉพาะคนที่
มีการศึกษาสูง ๆ อีกต่อไปเนื่องจากคนกลุ่มแรก ๆ
ที่จะถูก AI แ ย่งงาน คือแรงงานฝ่ายผลิตในอุตสาหกร รมต่าง ๆ แม้จะฟังดูสิ้นหวังแต่เราต้องไม่หมดหวัง
ในเมื่อเราก็พอจะรู้แล้วว่า AI ฉลาดมากแค่ไหน และในอนาคต
จะต้องฉลาดขึ้นอีกแน่นอน ถ้าประเมินรอบด้านแล้วรู้ว่ายังไงก็สู้เทคโนโลยีตัว AI ไม่ได้
คงต้องมองหาลู่ทางใหม่ หรือเตรียมแผนสำรองไว้ว่าถ้าวันใดเกิดต กงานขึ้นมากะทันหันจะทำอย่ างไร
ซึ่งตอนนี้ยังพอมีเวลาให้คิดวางแผน จะได้ไม่จวนตัวนัก
ขอบคุณที่มา : forlifeth