1. การ “ทำงานหนัก” ไม่เกี่ยวกับความร่ำร วย
ถ้าการทำงานหนักคือความร วย วันนี้คุณคงเห็นคนร วยเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว
จงอย่ าเชื่อคำสอนที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คน ชอบพูดบ่อย ๆ ว่า“ความร วยเกิดจากการทำงานหนัก”
อย่ างเด็ดข าด เพราะความร วยที่แท้จริงนั้น
เกิดจากความถนัดและเชี่ยวชาญในงาน ถ้าคุณเป็นคนทีมีความสามารถเฉพาะทางผลตอบแทน
ของคุณก็ย่อมจะสูงขึ้น ลองคิดดูสิว่าถ้าคุณสามารถขึ้นเป็น Top 5 ของสายอาชีพที่คุณทำอยู่ได้
รายได้ของคุณจะมากขึ้นแค่ไหน
การวางแผนการเ งิน แน่นอน ถ้าคุณรู้จักเก็บออมและเอาเงิ นไปลงทุนชนิดที่เรียกว่า
“ถูกที่และถูกเวลา”แค่การเก็บเงิ นเดือนละ 5,000 บาทก็อาจจะทำให้คุณเป็นมหาเศรษฐี
โดยที่ไม่รู้ตัว
การทำธุรกิจ ถ้าคุณทำธุรกิจประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าเ งินท องจะไหลมาเทมาและมันยังมี
หนทางอื่น ๆ อีกมากมาย เพียงแต่คุณต้องตามหามันให้เจอเ สียก่อน คุณถึงจะมองเห็นมัน …
2. ในโลกใบนี้ มีคน “ทำงานหนัก” มากกว่าคุณอีกมากมาย
เมื่อไรที่คุณมองตัวเองว่าคุณทำงานหนัก จงหันมองไปรอบตัว ๆ สังเกตดูครับว่า
“ยังมีคนที่ทำงานหนักกว่าคุณ” อีกมากมายแค่ไหนโดยเฉพาะคนที่ประสบความสำเร็จ
ในชีวิตทั้งหลายที่คุณยึดเป็นแบบอย่ าง
ล้วนต้องผ่ านประสบการณ์ทำงานหนัก มาเพื่อให้ชีวิตพวกเขาสบายอย่ างในทุ กวันนี้
แต่มันช่างน่าขำตรงไหนรู้ไหมครับ… มันเป็นเพียงเพราะคุณเลือกมองเห็นสิ่งที่เรียกว่า
“ความสำเร็จ” จากเปลือกของความร่ำร วยความสบายในวันนี้
จนมองข้ามแ ก่นที่เขาเหล่านั้นได้รับจากการทำงานหนักแทน จริงอยู่ที่ว่าการทำงานหนัก (Work Hard)
ต่างกับการทำงานอย่ างฉลาด (Work Smart)แต่ถ้าคุณอย ากจะประสบความสำเร็จ
คุณจงเลือกทำงานหนักอย่ างฉลาด
แล้วทุ กโอกาสในชีวิตจะเป็นของคุณอย่ างแน่นอนทุ กครั้งที่แหงนมองท้องฟ้า สายตาเรามองเห็น
สายรุ้งที่ปลายทางแห่งความสำเร็จแต่จงอย่ าลืมมอง ส ะ เ ก็ ด แ ผ ล ที่ได้รับจากขวากหนาม
ที่ผ่ านมา เพราะนั้นคือสิ่งที่พาคุณมาจนถึง “วันนี้”
3. ยิ่งทำงานหนักเท่าไร ยิ่งต้องเห็นคุณค่าของเวลา
เวลาเป็นสิ่งมีค่าที่แสนจะหาย าก …. ถ้าลองมองหาตามท้องถนนคุณจะพบคนที่ใส่นาฬิกา แต่พวกเขา
เหล่านั้นกลับรู้สึกว่าไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดฟังเ สียงหัวใจตัวเอง คุณค่าของเวลาในมิติแรก
คือ “ความอาวุโสจากการทำงานหนัก”
ยิ่งเวลาผ่ านไปนานเท่าไร คุณยิ่งไม่สามารถทำตัวเหมือน เ ด็ ก ที่เพิ่งเข้าทำงานได้อีกต่อไปใช่ครับ!!
คุณไม่สามารถทำตัวงี่เง่ากระจองอแงได้เมื่อคุณกลายเป็นหัวหน้าคุณไม่สามารถตัดสินใจผิ ดพลาดได้
เมื่อคุณกลายเป็นผู้บริหาร
ดังนั้นจงใช้เวลาในการทำงานหนักของแต่ละช่วงพัฒนา “วัยวุฒิ” และ “ความเก๋า” ให้มากที่สุด
อย่ าลืมถามตัวเองเสมอว่าตอนนี้เราเป็นใคร เรากำลังจะไปที่จุดไหนและสิ่งที่กำลังทำอยู่ในวันนี้
มันใช่หรือไม่ เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้
คุณค่าของเวลาในมิติที่สอง คือ “ความเชี่ยวชาญในการบริหารเวลา” นอกจากความเก๋าที่ได้จากการ
ทำงานหนักอย่ าลืมสร้างความเชี่ยวชาญในการ “บริหารเวลา” ให้กับด้านอื่น ๆ ของชีวิตด้วย
เพราะเมื่องานหนักถึงจุดหนึ่ง
สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำมักถูกผัดผ่อนด้วยคำว่า “เดี๋ยวก่อน” หรือ “ไว้ทีหลัง” ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมันจะ
กลายเป็นคำว่า “ไม่ได้ทำ”โปรดอย่ าลืมว่า คุณไม่สามารถไปงานวันพ่อของลูกคุณได้เมื่อตอน
เขาเข้ามหาวิทย าลัย
คุณไม่สามารถทาน อ า ห า ร ร่วมกับพ่อแม่ได้เมื่อท่านอยู่ใน โ ล ง ศ พและคุณไม่สามารถมี สุ ข ภ า พ
ที่ดีได้ในวันที่คุณตรวจพบมะเ ร็งระยะสุดท้ายดังนั้นไม่ว่าเวลาจะหนักอย่ าลืมบริหารเวลาให้กับ
ด้านอื่น ๆ ของชีวิตด้วย
4. รีบเก็บเกี่ยว “ประสบการณ์” ผ่ านการ “ทำงานหนัก”
ถ้าคุณเป็นคนทำงานหนักอย่ างมี “ประสิทธิภาพ” ผมเชื่อว่าสิ่งที่คุณได้รับตามมาคือ “ประสบการณ์”
อย่ างล้นเหลือถึงขั้นมีคำกล่าวไว้ว่า “ถ้าเราใช้เวลาทำสิ่งที่เราสนใจเพียงวันละ 20 นาที
เราจะเชี่ยวชาญในสิ่งนั้น ๆ เป็นอย่ างดีในอีกไม่ช้า” สำหรับ “การทำงานหนัก” แล้ว
ต่อให้คุณไม่สนใจ มันก็ตาม แต่คุณต้อง “จำใจ” ทำมันทั้งวันอยู่ดีบางคนอาจจะต้องทำงานมากกว่า
วันละ 12 ชั่ ว โ ม ง เสี ยด้วยซ้ำ แต่แทนที่คุณจะบ่นไปวัน ๆ ว่างานหนักแต่คุณควรถามตัวเองกลับว่า
“แล้วเราได้รับอะไรจากการทำงานหนัก” บ้างหรือเปล่า
จากประสบการณ์ของคนใกล้ตัวของผม ให้นิย ามคำว่า “การทำงานหนัก” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บางคนทำงานหนักเพราะระหว่างวันใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ บางคนทำงานหนัก
ด้วยความตั้งใจและแน่นอนสิ่งเหล่านั้น คือ แหล่ง “ประสบการณ์” ชั้นดีที่คุณ “เลือก” ที่จะได้รับ
ในทุ ก ๆ สถานการณ์ ถ้าคุณเลือกที่จะ “บ่น” คุณก็จะไม่ได้อะไร แต่ถ้าคุณเลือกที่จะ “ค้นหา”
คุณอาจจะเจอเพชรล้ำค่าในตัวคุณแต่ถ้าหากคุณไม่ได้อะไรจากการทำงานหนักเลยแม้แต่นิด
คุณควรถามตัวเองด้วยคำถามว่า… “คุณใช้ชีวิตแบบนี้ได้อย่ างไร”
5. หยุดคาดหวัง “ความยุติธรรม” จากการทำงานหนัก
ก่อนอื่นผมขอบอกเลยว่า ในการทำงานทุ กประเภท จงเลิกคาดหวังที่จะพบคำว่า “ความยุติธรรม”
จากสังคมการทำงานเป็นลำดับแรกและถ้าหากคุณมองว่าตัวเองเป็น “คนทำงานหนัก”
คุณจงถามตัวเองต่อไปว่า
“แล้วผลของงานที่ได้รับจากการทำงาน” นั้นเกิดจากการทุ่มเทแรงใจแรงกายอย่ างเต็มที่
หรือ เป็นแค่ข้ออ้างของการข าดประสิทธิภาพในการทำงานเมื่อเกิด “ความผิ ดพลาด”
อย่ ามัวเสี ยเวลาหาคำตอบที่เข้าข้างตัวเอง
เพราะยิ่งคุณหาคำตอบเพื่อให้ตัวเอง “สบายใจ” มากขึ้นเท่าไรความห่างไกลที่เกิดขึ้นระหว่าง
คุณกับความสำเร็จมันจะยิ่งไกลออกไปทุ กที ๆเพราะชีวิตจริงไม่มีคำว่า “ยุติธรรม” มีแต่คุณต้องรีบ
“ทำ” เพื่อให้ปัญหามัน “ยุติ”
แต่ถ้าหากคุณเป็นคนทำงานหนักที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ แต่กลับโดนมองข้ามอย่ างไม่
เหลียวแลจงอย่ าหวังให้หัวหน้ามองเห็นความดีหรือประสิทธิภาพ อย่ าฝันให้หัวหน้าเปลี่ยนใจ
จากการมองคนที่ “ปาก” มาเป็นการมองที่ “หัวใจ” เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร
แถมคุณจะหมดกำลังในสิ่งที่คุณทำ ถ้าคุณมีความสามารถขนาดนั้น ผมว่าเอาเวลาไปสร้างสรรค์
งานให้ดีขึ้นหรือ หาองค์กรใหม่ที่เหมาะสมกับตัวคุณจะดีกว่า สุดท้ายแล้ว… ความยุติธรรมนั้น
หันหน้าให้กับผู้ชนะเสมอ
ขอบคุณที่มา : sabailey