1. ช่วงเวลาที่คุณได้แสดงความกล้าหาญหรือได้ช่วยเหลือใครเอาไว้
เพราะว่าเมื่อคนเรานั้นเจอสิ่งต่าง ๆ มากมายในทุ กวันทั้งภายนอกภายในจิตใจของเรา
เองนั้น ต้องการเอาชนะตัวเองคือจัดการทั้งหมด
ภายในภายนอกจิตใจของเรา ว่าคนอื่นจะรู้ไหมว่าเราเป็นคนทำความดี เราควร
จะได้รับอะไรตอบแทนมาบ้างสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องคิดถึงมัน
เมื่อเรากระทำความดีไปแล้วนอกเสี ยจากว่าเราเป็นคนหลงตัวเองอย ากให้
คนอื่นมาชื่นชม
2. ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องโอ้อ วดไลฟ์สไตล์ส่วนตัว
บางเรื่องมันไม่ใช่เรื่องที่น่าคุยโวว่าตอนนี้น้ำหนักฉันลงไปแล้วกี่กิโลกรัม หรือ เอาชนะ
การตื่นสายได้แล้ว เพราะถ้าคุณละแล้วซึ่งความสุขทางโลก
ก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่คุณจะต้องมาพูดเรื่องอะไรแบบนี้ที่จะบ่งบอกถึงตัวตนว่า
คุณเป็นคนอย่ างไร เพราะเพียงถ้าคุณพึงพอใจในตัวเองก็ไม่ต้องการคำเยินยอ
สรรเสริญจากใครอีก
3. ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องพูดคุยหรือแสดงความคิดเห็น
นั่นหมายถึงการที่เราเอาความคิดของเรานั้นไปบอกคนอื่น มันไม่ใช่ความจริง
มันเป็นการเปิดเผยเรื่องราวที่ถูกนำมาวิจารณ์
กันเพื่อให้เกิดการเอาชนะกันไม่จบไม่สิ้นไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร
เพราะความคิดของเรานั้นยังไม่ถูกตัดสินแต่เป็นเพียงความรู้สึกนึกคิด
ของเราเท่านั้น
4. การทำดีที่ไม่ใช่การเอาหน้า
การทำดีนั้นคุณไม่ควรไปทวงบุญคุณกับใคร ในเมื่อคุณทำดีด้วยใจ คุณก็ไม่ควรไปโอ้อ วด
ใครจะทำให้คนอื่นมองคุณเป็นคนที่มีนิสัยห ยิ่ง
หากคุณยังรู้สึกว่าถ้าทำดีนั้นควรต้องพูดให้คนอื่นได้รับรู้ อย ากให้คุณลองกลับมาทบทวน
ตัวคุณเองว่าจริง ๆ แล้ว คุณทำดีนั้น ทำเพื่อ
อะไรกันแน่ ถ้าบริสุทธิ์ใจที่จะช่วยเหลือหรือทำเพียงต้องการ
ได้รับความชื่นชมเท่านั้นเอง
5. ไม่ควรโอ้อ วดสิ่งที่คุณต้องการ
สิ่งที่คุณคิดที่จะทำคนควรเก็บเป็นความลับ จนกว่าคุณจะทำมันสำเร็จเรียบร้อยไปก่อน
เพราะในทุ ก ๆ การวางแผนนั้น จะมีจุดที่คุณยังคาดไม่ถึง
แต่ถ้าหากมีคนหลายคนจ้องจับผิดคุณนำจุดบอดเหล่านั้น หยิบยกขึ้นมาประเด็น
อาจจะทำให้คุณเกิดความท้อแท้ที่จะเอาชนะอุปสรรคและไม่สำเร็จไปถึง
อนาคตที่มุ่งหมาย
ขอบคุณที่มา : staylifeth