1. คิดถึงภาพตอนเกษียณ
ถ้าอยู่ ๆ ก็จินตนาการภาพตัวเองปลดเกษียณหยุดทำงานและนอนพักผ่ อ นอยู่บ้ าน
บางคนถึงขั้นนับปี นับเดือน นับวันที่จะเกษียณจากงานที่ทำอยู่ตอนนี้เลย
เพราะในแต่ละวันนั้นไม่ได้มีแรงจูงใจให้อย ากไปถึงที่ทำงานไม่ได้มี Passion
ที่อย ากจะสร้างสรรค์สิ่งที่มีคุณค่าออกมา ชีวิต การทำงานหมดไปกับงาน
ที่ทำแบบส่ง ๆ เท่านั้นก็อาจจะถึงเวลาที่เราต้องเริ่มมองหาทางใหม่ ๆ ได้แล้ว
เพราะการนิ่งดูดายต่อเวลาที่ผ่ านไปแบบนี้ไม่สามารถช่วยให้ความหวังที่
จะเกษียณเป็นจริงได้แน่นอน
2. เบื่อและไม่อย ากทำงาน
ภาพที่ทุ กคนจำได้ว่าเราคือเบอร์หนึ่งในแผนกหายไปทุ กวันนี้แค่จะเข็นให้งานเสร็จ
สักชิ้นในแต่ละสัปดาห์ยังย ากเลย เพราะเราเริ่มเช็กโซเชียลทุ ก ๆ สิบนาที
การทำงานกลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่คิดถึง หมดความกระตือรือร้นและเบื่อหน่ายอยู่
ตลอดเวลางานที่ได้รับมอบหมายมาถูกปล่อยค้างเอาไว้ ซึ่งนอกจาก
กระทบต่องานของตัวเองแล้วสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ยังส่งผลให้เริ่มมีปากเสี ยง กับ
เพื่อนร่วมงานเนื่องจากงานของเราช้าเกินกำหนดกระทบต่อระบบ
การทำงานในแผนกหนักกว่านั้นคือการทะเลาะกับหัวหน้าจนทำให้รู้สึกว่า เราไม่
สามารถควบคุมอะไรในการทำงานได้เลย
3. ระบบชีวิตพัง
จากที่เคยเป็นคนนอนหลับง่าย กลายเป็นคนนอนไม่หลับ ตื่นมากลางดึกบ่อย ๆ
เพราะต้องเก็บเอาความเ ครียดจากเรื่องงานไปนอนฝัน
นี่คือจุดเริ่มต้นของระบบชีวิตที่แปรปรวนหนำซ้ำบางคนจากที่เคยสุ ขภาพแข็งแรง
กลับมีอาการป่ วยบ่อยขึ้นซึ่งการป่ วยทางกายนี่แหละที่เป็นตัวชี้วัดอย่ างหนึ่ง
ได้เช่นกันว่า สุ ขภาพจิตของเราอาจจะกำลังแ ย่ไปด้วยนอกจากนี้หากงานรบ
กวนความคิดจนทำให้ทุ ก ๆ เย็น ต้องนัดเพื่อนออกไปสังสรรค์
เพื่อให้หายเค รียดจนเริ่มมีสโลแกนติ ดปากในห มู่เพื่อนว่า “ดื่มเพื่อให้ลืมงาน”
ก็อาจเป็นสัญญาณเตื อนครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นแล้วว่างานนี้อาจจะไม่เหมาะกับเราอีกต่อไป
4. เริ่มมองหางานใหม่
ถ้าเว็บที่เราเข้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเว็บไซต์หางาน เริ่มพิมพ์คำว่า “หางาน”ลงไปใน
Search Engine พร้อมเคาะปุ่มเอ็นเทอร์ นั่นเท่ากับว่าเราผ่ าน
จุดสุดท้ายของความอดทนในงานปัจจุบันไปแล้ว และหากทุ กวันมีแต่คำว่า
“ฉันจะหางานใหม่!” แวบเข้ามาในความคิดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
อาจไม่เป็นการดีที่เราจะใช้ชีวิตด้วยการทนทำงานที่ไม่สร้างความสุขแบบนี้ต่อไป
ซึ่งนอกจากจะเป็นผลเ สียต่อตัวเองแล้ว ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน รวมถึง
บริษัทก็ต่างได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน
5. พูดคุยเรื่องงานในแง่ลบให้คนในครอบครัวฟัง
ช่วงเวลาสุขสันต์อย่ างเวลาทานข้าวกับครอบครัวจากที่เคยเป็นการพูดคุยเรื่องราว
สนุกสนานในที่ทำงานของเรา วีรกร รมน่าสนุกของลูกที่โรงเรียน
และวางแผนไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ย า ว ที่จะมาถึง ถูกแทนที่ด้วยการถูกตำหนิ
และถูกต่อว่าจากที่ทำงานของเราเป็นหัวข้อหลัก แทรกด้วยพฤติกร รมที่
ไม่ดีของเพื่อนร่วมงานวันแล้ววันเล่าที่คนในครอบครัวของเราได้รับฟังแต่เรื่องงาน
ในเชิงลบหากสถานการณ์นี้ยังเกิดขึ้นอยู่เป็นประจำและมีแนวโน้มว่าจะบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ
เราอาจต้องเริ่มพิจารณาถึงงานของเราอย่ างจริงจังมากขึ้นแล้ว
6. รู้สึกว่าอยู่ต่อไปยังไงก็ไม่โต
ถ้ารู้สึกว่าตัวเองไม่มีโอกาสก้าวหน้าในที่ทำงานเลย ก็ไม่แปลกที่จะนึกถึงเรื่องหางานใหม่
เพราะโอกาสในการก้าวหน้าคือเป้าหมายสำคัญในการทำงาน
ของมนุษย์เงิ นเดือนอย่ างเราซึ่งโอกาสในการก้าวหน้าที่หมายถึงอาจไม่ใช่แค่การ
เลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นเพียงอย่ างเดียวแต่มันอาจจะหมายถึงการ
ได้รับโอกาสใหม่ ๆ เช่น การได้รับมอบหมายให้ทำโปรเจกต์ใหม่ได้ทำสิ่งที่เราไม่เคย
ทำมาก่อน หรือได้เรียนรู้งานจากระดับหัวหน้างานยังไงก็ตามก่อนที่คุณ
จะรีบลาออกจากงานด้วยเหตุผลนี้ลองเข้าไปคุยเรื่องนี้กับหัวหน้างานก่อนจะดีที่สุด
แต่ถ้าคุยแล้วยังดูไม่มีโอกาสล่ะก็ อย่ ารอช้าที่จะลาออกมาหาที่ที่ให้โอกาสคุณ
ก้าวหน้ามากกว่านี้
ขอบคุณที่มา : jingjai999