คนที่ประสบความสำเร็จกับคนที่ไม่ประสบความสำเร็จต่างกันตรงไหน?
ความสามารถ? สติปัญญา? รูปร่าง หน้าตา?
คนญี่ปุ่นมองว่า คนสองกลุ่มนี้แต กต่างกันที่ “วิ ธีคิด” ค่ะ
ลองมาดู 4 วิ ธีคิดของผู้บริหาร
นักธุรกิจญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จกันนะคะว่า คนกลุ่มนี้มีวิ ธีใช้เงิ น
ที่แต กต่างจากคนธรรมดาอย่ างไร
1 : อย่ าใช้เงิ นเพื่อรั กษาภาพลักษณ์
กิโมโนที่มีราคาแพงจริง ๆ ด้านนอกจะดูเรียบธรรมดา แต่ด้านใน ทอเป็นลวดลายด อกไม้
หรือลายมังกรละเอียดสวยงามทว่าคนภายนอกไม่สามารถทราบความงามเหล่านั้น
มีแค่ผู้สวมใส่ที่รับรู้ถึงคุณค่าและความนุ่มสบายของชุดกิโมโนชุดนั้น
คนญี่ปุ่นมองว่า เราไม่จำเป็นต้องแสดงออกให้ผู้อื่นรู้ถึงฐานะ คนร วยไม่จำเป็นต้องใส่
สร้อยทอ งเส้นใหญ่ ๆ หรือเพชรเม็ดโตเพื่อแสดงว่าฉันเป็นใคร เราเป็นคนธรรมดา
คนอื่นจะได้ปฏิบัติกับเราแบบธรรมดา และเราจะได้รู้จักคนคนนั้นอย่ างแท้จริง
จงอย่ าใช้เงิ นเพื่อภาพลักษณ์ตัวเอง แต่จงใช้เงิ นเพื่อผู้อื่นมันจะไม่มีที่สิ้นสุดหากเรา
มัวแต่มองว่า ฉันต้องถือกระเป๋า
ยี่ห้อนี้ ขับรถรุ่นนี้ ทานอาหารที่ร้านนี้ เพราะต้องการแสดงว่าฉันเป็นคนมีระดับ
ผู้บริหารญี่ปุ่นพาลูกน้องไปเลี้ยงอาหารค่ำที่ภัตตาคารหรู ไม่ใช่เพราะอย ากให้
ลูกน้องเห็นว่าตัวเองมีสตางค์
แต่เพราะต้องการแสดงความรู้สึกขอบคุณอย่ างลึกซึ้งที่ลูกน้องร่วมเหนื่อยย ากกันมา
เจ้าของธุรกิจสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง เพราะรูปแบบแพทเทิร์นดี เนื้ อผ้าดี ไม่ได้ใส่
เพราะอย ากให้คนเห็นโลโก้
ของแบรนด์นั้นแล้วรู้ว่าตนมีปัญญาซื้อการใช้เงิ นไปกับสิ่งที่ตนเองรัก หรือเพื่อคนที่
ตนเองรักจะทำให้เรามีอิสระและมีความสุขในการใช้เงิ นมากกว่าการใช้เงิ น
เพื่อรั กษาหน้าตาและภาพลักษณ์ของตนเองเพียงอย่ างเดียว
2 : การใช้เงิ น คือ การลงทุน
จงถามตัวเองว่า สิ่งที่เรากำลังจะใช้เงิ นต่อจากนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเราในอนาคต
หรือเปล่าคนเรามักจะเผลอใช้เงิ นกับของมูลค่าเล็กน้อยไปอย่ างง่ายดาย เช่น ค่าแท๊กซี่
ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าเครื่องเขียน แต่หากรวมกันแล้ว
เงิ นจำนวนนั้นก็ไม่ใช่จำนวนน้อยเลย จงถามตัวเองทุ กครั้งก่อนจะซื้อของว่า
ของที่ตัวเองจะซื้อนั้นมีประโยชน์จริงหรือเปล่าและเราจะได้อะไรกลับมาในอนาคต
ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะมีราคาถูกหรือแพง เช่น
การที่เราตัดสินใจเสี ยเ งิน 200 บาทขึ้นรถแท็กซี่แทนที่จะเสี ย 13 บาทขึ้นรถประจำ
ทางนั้น มีประโยชน์ต่อตนเองจริงหรือเปล่า หากนั่งแท๊กซี่แล้ว
ตนเองมีเวลาทำจิตใจให้สงบและซักซ้อมบทสนทนาก่อนไปพบลูกค้า
โอกาสที่ลูกค้าจะเซ็นสัญญากับบริษัทก็สูงขึ้นเงิ น 200 บาทนั้นก็ถือเป็น
“การลงทุน” ที่คุ้มค่า
3 : “เงิ น” ยิ่งใช้ ยิ่งได้
คนธรรมดาจะมุ่งแต่จะเก็บเ งินที่หามาให้ได้มากที่สุด หามาเท่าไรก็จะพย าย ามเก็บออม
อย่ างเดียวแต่คนญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเ งินอย่ างเดียว
แต่รู้จักใช้เงิ น (อย่ างฉลาด) ด้วย
พวกเขาจะมองว่าตนควรจะ “ลงทุน” ไปกับอะไรดี จึงจะเกิดผลที่คุ้มค่าที่สุด
หนึ่งในการลงทุนที่คนญี่ปุ่นเห็นว่าคุ้มค่ามากนั้นคือ “การลงทุนกับตัวเอง”
จงใช้เงิ นเพื่อสร้างทักษะความรู้เพื่อตนเอง
เช่น ไปลงคอร์สอบรมเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และนำกลับมาใช้กับองค์กร
หรือเรียนคอร์สปรับบุคลิกภาพและวิ ธีการแต่งกาย เพื่อได้รับความเชื่อถือ
และไว้วางใจจากลูกค้า
จงใช้เงิ นเพื่อสร้างและรั กษาความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง ไปทานข้าวกัน คุยกัน สนิทกัน
อาจมีโอกาสที่เพื่อน ๆ เหล่านี้แนะนำงานต่อให้เรา เงิ น หากใช้ (ลงทุน) อย่ างถูกวิ ธี
ก็จะวกกลับมาหาผู้ใช้คนนั้นอีก
4 : คำพูดเรียกเ งิน
ยิ่งก้าวไปในตำแหน่งสูงมาก มีฐานะมาก มีโอกาสที่จะได้รับคำชื่นชม สรรเสริญ
จากคนรอบ ๆ ตัวมากใคร ๆ ก็เรียกท่านคะ ท่านครับ มีแต่คนคอยดูแลเอาใจ
พอเคยตัวมาก ๆ ก็จะเกิดเมฆหมอกบังตาว่า “ข้าเก่ง ข้าเจ๋งที่สุด”
สุดท้าย อาจประมาท และตัดสินใจอะไรผิ ดพลาดไปก็ได้
เพราะฉะนั้น บริษัทญี่ปุ่นหลาย ๆ แห่งจะมีนโยบายให้ผู้บริหารระดับสูงไปเก็บข ยะ
หรือขัดห้องน้ำร่วมกับพนักงานคนอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการฝึกผู้บริหารไม่ให้ลืมตน
ไม่ให้ลืมความย ากลำบากของพนักงานที่อยู่ระดับล่าง
และมองว่าตนเองก็เป็นพนักงานที่ต้องทำงานเพื่อองค์กรเหมือนกัน สิ่งหนึ่ง
ที่ผู้ประสบความสำเร็จทุ กคนมีคือ “การรู้จักขอบคุณผู้อื่น” การไม่ลืมบุญคุณผู้อื่น
การสังเกตและแสดงความรู้สึกซาบซึ้งสิ่งที่ผู้อื่นทำ แม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
จงอย่ าลืม “คำขอบคุณ” อย่ าลืมว่าความสำเร็จของเราไม่ได้เกิดจากความสามารถ
ของเราเพียงแค่คนเดียว หันไปมองคนรอบ ๆ พย าย ามนึกว่าใครช่วย ให้เราประสบ
ความสำเร็จในแต่ละชิ้นงาน และกล่าวชื่นชมขอบคุณพวกเขา
อย่ างจริงใจการแสดงความรู้สึกขอบคุณ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การ์ดขอบคุณ หรือสิ่ง
ของเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำให้ผู้ที่เราทำงานด้วยรู้สึกดีใจ และภูมิใจในตัวพวกเขาเอง
พวกเขาพร้อมที่จะช่วยเหลือและทำงานเพื่อองค์กรต่อไป
ขอบคุณที่มา : kid-si