1. รู้จักใช้คนให้เหมาะสมกับงานที่ทำ
การเลือกใช้ลูกน้อง ให้เหมาะกับงานที่ทำถือว่าเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ทำให้
ลูกน้องมีความสุขกับงานที่ต้องทำในแต่ละวันซึ่งความสุขผมเชื่อ
ว่ามีความสำคัญมาก ๆ ครับ เพราะหากมีความสุขในสิ่งที่ทำผลลัพธ์ย่อมดี
ตามแน่นอน ทว่า หากไร้ซึ่งความสุขผลลัพธ์ย่อมออกมาตรงกันข้ามครับ
ดังนั้น ผู้นำควรหมั่นสังเกต ซึ่งที่ลูกน้องทำและวิเคร าะห์งานให้ออก มอบหมาย
งานให้ถูกคนจริตของคนโดยใช้หลักการ DISC ซึ่งเป็นหลักการอ่ านใจคนย่อม
ช่วยได้แน่นอนครับ
2. รู้จักสร้างบรรย ากาศที่ดีในการทำงานร่วมกัน
ความสุขเกิดขึ้นได้ ถ้ามีบรรย ากาศที่ดีในห้องทำงาน ซึ่งผู้นำควรหมั่นสร้างวัฒนธรรม
ในแผนกให้เกิดความปรองดอง รักใคร่กลมเกลียวไม่มีการแบ่งพรรค แบ่งพวก
ในที่ทำงาน
โดยผู้นำก็ต้องรู้จักสื่อส ารกับทุ ก ๆ คนอย่ างเท่าเทียม ไม่เลือกที่รักมักที่ชังโดยอาจสร้าง
กิจกร รมภายใน เพื่อสร้างสรรค์บรรย ากาศให้สนุกในการทำงาน
ปราศจากอ ารมณ์เชิงลบในที่ทำงาน ย่อมทำให้เกิดสุขภ าพจิตที่ดี เบิกบานอย ากมา
ทำงานในทุ ก ๆ วันหรือหากวันไหนงานติ ดพันไม่เสร็จ ก็สามารถอยู่ช่วยเหลือกัน
ได้อย่ างเสร็จสมบูรณ์
3. ยิ้มง่าย หัวเราะง่าย มีสัมมาคาราวะ เป็นกันเอง
การเป็นผู้นำ บางคนเป็นผู้นำ จากประสบการณ์ ที่ทำงานมานาน บางคนเป็นผู้นำ เพราะมี
ความเก่งในงานซึ่งการเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใด ๆ ก็ตาม
แต่สิ่งที่สำคัญของการเป็นผู้นำ นั่นคือ การให้เกียรติทุ ก ๆ คน ที่ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น
ทีมตัวเอง และรวมถึงทีมอื่น ๆ ที่ต้องประสานงานกัน
ดังนั้น การมีสัมมาคาราวะต่อคนอื่นนับ เป็นสิ่งที่สำคัญและถือว่าเป็นแบบอย่ างที่ดีให้ผู้ตาม
ปฏิบัติตามโดยเฉพาะการรู้จักทักทายผู้อื่นผ่ านการยกมือไหว้คนที่
อาวุโสกว่าการยิ้มแย้มแจ่มใสไม่บึ้งตึงต่อคนรอบข้างสิ่งเหล่านี้ย่อมทำให้การประสานงาน
เป็นไปอย่ างราบรื่นครับ
4. รู้จักกระตุ้นสร้างแรงบันดาลใจต่อลูกน้อง
การทำงานย่อมต้อง มีการประเมิน ติ ดตามผลของการทำงานซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ
ทว่า ผู้นำหลาย ๆ คน กลับไม่กล้าให้ Feedback ต่อลูกน้อง
เพราะกลัวลูกน้องจะไม่รักไม่ชอบโดยเฉพาะหากผลงานของลูกน้องท่านนั้นไม่มีประสิทธิภาพ
ดังนั้น ผู้นำต้องเปลี่ยนความคิดก่อนโดยมองเรื่องของงานเป็นหลักใครทำดีชื่นชม
สร้างความท้าทายในงานที่ทำ ส่วนใครทำงานผิ ดพลาดบ่อย ๆก็ต้องเรียกมาคุยเป็นกา
รส่วนตัวและให้คำชี้แนะ สอนงานในสิ่งที่ยังผิ ดพลาดโดยมีความเชื่อว่า
คนทุ กคนถึงแม้จะเรียนรู้ไม่เท่ากันแต่ย่อมพัฒนาได้ ถ้าเปิดใจซึ่งผู้นำต้องใช้หลัก
จิตวิทย ากระตุ้นเน้นย้ำ สร้างแรงบันดาลใจอยู่บ่อย ๆย่อมทำให้ลูกน้องที่ยังผิ ดพลาด
รู้จักปรับเปลี่ยนตนเองจนทำให้การทำงานดีขึ้นแน่นอน
5. มีภาวะผู้นำใช้ใจก่อนอำนาจที่มี
คิดง่าย ๆ ครับ เราอย ากได้สิ่งใดก็ควรให้สิ่งนั้น ก่อนผู้อื่นเสมอคนที่เป็นผู้นำที่ดีต้องรู้จัก
ใช้อำนาจในทางที่ดีมากกว่าใช้อำนาจในทางที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเสี ยหาย
เสี ยหน้า เสี ยใจ เสี ยความรู้สึกจากสิ่งที่ผู้นำกระทำ ทว่า หากใช้ใจนำ เป็นกันเองต่อคน
รอบข้างแต่ก็พร้อมจริงจังกับการทำงาน เมื่อถึงเวลาทำงานใครทำดีก็ชื่นชม
ใครทำผิดก็ไม่นิ่งเฉยปล่อยวาง แต่รู้จักใช้คำพูดในเชิงบวกเปิดใจรับฟังข้อคิดเห็น
ของลูกน้องนั่นล่ะครับ ผู้นำที่มีภาวะผู้นำ
6. มอบหมายงานด้วยคำพูดที่สุภาพ
การมอบหมายงาน นั้นมี 2 แบบ คือ ผ่ านทางคำพูด และผ่ านทางลายลักษณ์อักษร
ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ ควรทำไปด้วยกันโดยเฉพาะคำพูดที่ผู้นำต้องรู้จัก
มีสติในการมอบหมายงานใช้คำพูดในเชิงที่สร้างสรรค์ มีคำอธิบายที่ชัดเจนและรู้จัก
ยิ้มแย้ม แจ่มใสถึงแม้สิ่งที่เจอจะมีแต่ปัญหาให้ขบคิด แต่เมื่อมีสติทางสว่างย่อมรอ
อยู่ข้างหน้าครับ
7. พร้อมให้เกียรติลูกน้องอยู่เสมอ
การเป็นผู้นำ ไม่จำเป็นต้องเล่น อยู่ข้างหน้า เสมอไป ทว่าควรผลักดันให้ลูกน้อง
มีโอกาสเติบโตในการทำงานโดยผู้นำทำหน้าที่เป็นกระบอกเสี ยง
เป็นเบื้องหลังในการทำงานก็ย่อมได้ซึ่งการเป็นเบื้องหลังจะทำให้เห็นการทำงาน
ในภาพรวมมากกว่าเล่นอยู่ข้างหน้า ซึ่งหากมอบหมายให้ลูกน้อง
ได้พัฒนาการทำงานอยู่บ่อย ๆ ผู้นำก็จะมีขุนพลไว้คอยทำงานต่าง ๆ
ได้มากขึ้น
8. ผิดรู้จักยอมรับและขอโ ทษเป็น
การทำงานในแต่ละวัน ย่อมมีโอกาส ตัดสินใจผิ ดพลาดและหากความผิ ดพลาดนั้น
เกิดจากผู้นำควรกล้ายอมรับและขอโ ทษคงไม่ใช่เรื่องแปลกครับดีกว่า
ฝืนดันทุรัง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิด การขอโ ทษเป็นสิ่งที่อย่ างน้อย ทำให้ลูกน้องเห็นว่า ถึงแม้จะ
เป็นผู้นำก็รู้จักพูดขอโ ทษเป็นและใช้บทเรียน แห่งความผิ ดพลาดนั้นเป็นเครื่องเตื อนสติ
ในการลงมือทำในครั้งต่อไป
ขอบคุณที่มา : jingjai999