ในงานประชุมผู้ปกครองโรงเรียนแห่งหนึ่ง ผู้ปกครองต่างพากันทยอยเข้าประชุม
แต่ละคนต่างแต่งตัวดูดี และดูเป็นทางการ ซึ่งผู้ปกครองแต่ละคนก็พากัน
ทยอยลงชื่อและเดินไปนั่งตามที่ที่ถูกจัดเอาไว้ให้เรียบร้อย
เมื่อถึงกำหนดการ ครูใหญ่ก็ได้เริ่มเปิดประชุมผู้ปกครอง และในขณะนั้นเอง
ก็ได้มีผู้ชายคนหนึ่งรีบเร่งเข้ามาในที่ประชุม เขาไม่ได้แต่งตัวดูดีเหมือนพ่อแม่คนอื่น ๆ
แต่เขาใส่ชุดธรรมดาที่ดูจะเลอะไปด้วยฝุ่น และเศษปูน รวมถึงคราบดิน
เหมือนกับว่าเพิ่งออกมาจากไซด์งานก่อสร้าง
เมื่อคุณครูเห็นก็รีบเข้าไปทักทาย และถามว่า
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ ไม่ทราบว่าคุณพ่อเป็นผู้ปกครองของใครคะ?”
ชายคนนั้นจึงหันกลับไปตอบด้วยความเคอะเขิน
“เอ่อ.. ผมเป็นพ่อของหวังจื่อเหาครับ”
คุณครูจึงพาเดินไปที่ลงทะเบียน และให้คุณพ่อเซ็นต์ชื่อ
เพื่อไปนั่งตามหมายเลขที่จัดไว้ให้
แต่ชายคนนั้นก็พูดกลับไปว่า “ขอโ ทษนะครับคุณครู
แต่ผมอ่ านหนังสือไม่ออกครับ”
คุณครูจึงยิ้มให้ด้วยความจริงใจ และพูดว่า
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะลงชื่อให้ และจะพาไปนั่งที่เองค่ะ”
เมื่อคุณครูลงชื่อแทนให้เรียบร้อยแล้ว ก็พาผู้ชายคนนั้นเดินไปที่นั่งของตัวเอง
แต่กลับถูกสายตาผู้ปกครองหลายคนในห้องนั้นมองด้วยความรังเกียจ
ที่แต่งตัวไม่สะอาดสะอ้าน และเต็มไปด้วยเสี ยงหัวเราะของผู้ปกครองคนอื่น ๆ
จากนั้นครูใหญ่ก็ได้เชิญผู้ปกครอง 2 – 3 คน ขึ้นมาเล่าประสบการณ์ในการเลี้ยงดู
และสอนลูก ๆ ของตนเอง แต่ทุ กคนก็มักจะพูดในทำนองเดียวกัน คือการสร้างกรอบ
ให้ลูกทำตามสิ่งที่พ่อแม่คิดว่าดีกับตัวลูก อย่ างเช่น การจัดตารางให้ลูกท่องคำศัพท์วันละ 2 ชั่ วโมง
การให้ลูกเรียนพิเศษทุ กวันหลังเลิกเรียน และเส าร์-อาทิตย์ และหากลูกไม่ทำตามก็จะหักค่าขนมของลูก
และครูใหญ่ก็ได้ประกาศผลการเรียนของเทอมที่ผ่ านมาให้กับผู้ปกครองทุ กคนได้ทราบ
จากนั้นก็ได้เชิญผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้คะแนนสูงที่สุดในชั้นเรียน มากล่าวคำแนะนำในการสอนลูกให้เรียนเก่ง
มีประสิทธิภาพให้คนอื่น ๆ ได้ฟัง ครูใหญ่ได้เชิญ “หวังจื่อเหา” ขึ้นมาบนเวที และทุ กคนก็ต่างแสดงความยินดี
ให้กับเขาที่สามารถทำคะแนนได้สูงที่สุด รวมถึงผู้ปกครองของหวังจื่อเหาขึ้นมาบนเวที
ซึ่งผู้ปกครองของหวังจื่อเหา ก็คือ ผู้ชายที่แต่งตัวมอมแมม และคนอื่นพากันหัวเราะในตอนแรก
เมื่อคนอื่น ๆ เห็นชายคนนี้ถูกเชิญให้ขึ้นไปก็ต่างต กใจ เพราะเขาเป็นคนไม่ได้เรียนหนังสือ
แต่ลูกชายของเขากลับทำคะแนนได้สูงที่สุดในชั้นเรียน
ผู้ชายคนนั้นจึงได้กล่าวคำแนะนำไปว่า “ผมไม่ใช่คนที่มีความรู้อะไร จึงไม่รู้ว่า
จะต้องแนะนำอะไรบ้าง แต่เวลาที่ลูกทำการบ้าน ผมมักจะนั่งอยู่ข้าง ๆ และดูเขาทำ”
“ผมมีอาชีพเป็นคนงานก่อสร้าง รับจ้างเป็นวัน ๆ ซึ่งผมก็จะยุ่งมากในแต่ละวัน
แต่เมื่อเลิกงาน ผมจะใช้เวลาอยู่กับลูก นั่งคุยกับลูก เมื่อเขาทำการบ้านเสร็จ
ผมก็จะชวนกินข้าว และหาอะไรให้เขาทานจนอิ่ม”
“ลูกชายเคยถามผมว่า… พ่ออ่ านหนังสือไม่ออก แล้วรู้ได้ยังไงว่าผมทำการบ้านถูกหรือผิด
ผมจึงบอกลูกไปว่า พ่อไม่รู้หรอก แต่พ่อจะสังเกตดูว่า ถ้าวันไหนลูกทำเสร็จเร็ว
แปลว่า การบ้านง่าย แต่ถ้าวันไหนเสร็จช้า แปลว่าการบ้านวันนั้นย าก
แล้วผมก็จะหาของที่เขาชอบกินกับน้ำเย็น ๆ มาให้เขา ดื่ม เพื่อให้เขามีพลังในการทำการบ้านให้เสร็จ”
“ผมมักจะบอกลูกอยู่เสมอว่า ถ้าลูกอย ากจะมีชีวิตที่ดี อย ากจะมีบ้านสวย ๆ มีรถขับ ลูกก็ต้องตั้งใจเรียน
เพราะพ่อไม่มีความรู้มากมายที่จะไปหางานดี ๆ เ งินเดือนสูง ๆ ได้แล้ว พ่อมีแต่โอกาสให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียน
เพื่อที่จะใช้เป็นใบเบิกทางให้ลูกได้มีงานที่ดีในอนาคต และผมก็คงต้องขอบคุณคุณครูทุ กท่าน
ที่คอยสั่งสอนให้ความรู้กับลูกของผม จนทำให้เขามีวันนี้ได้ครับ” เมื่อเขาพูดจบก็ก้มหัวคำนับคุณครูทุ กคน
และผู้ปกครองในห้องประชุมต่างพากันปรบมือให้กับชายคนนี้จนเสี ยงดังลั่นห้อง
สิ่งที่พ่อของหวังจื่อเหาทำ เป็นสิ่งที่สำคัญที่พ่อแม่ทุ กคนควรให้ความสำคัญ นั่นคือการให้เวลากับลูก
ใช้เวลาอยู่กับเขา คอยให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ เพื่อให้เขารู้สึกมีกำลังใจและรู้สึกว่ามีคนอยู่ข้าง ๆ
ลูก ๆ จะรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง และเป็นแรงผลักดันในการพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
เงิ นท องอาจจะเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต อย่ าเลี้ยงลูกด้วยเ งินอย่ างเดียว
แต่ต้องใส่ใจดูแล ให้เวลาเขา ให้ความอบอุ่นกับเขาอย่ างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
เพราะความรักของพ่อแม่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกแล้ว
ขอบคุณที่มา : bitcoretech