หากใครที่กำลังมองหาอาชีพเสริม ที่จะสามารถตั้งเงินสร้างรายได้ให้คุณแบบเป็นจำนวนเงินจริงๆ เราขอแนะนำในอาชีพนี้เลย
เป็นอาชีพที่ลงทุนน้อยความเสี่ยงต่ำ คุณไม่จำเป็นที่จะต้องมีโรงงานผลิตสินค้าเอง ทำตัวคนเดียวก็สามารถสร้างเงิน
สร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี
ในปัจจุบันนี้ร้านค้าร้านกาแฟและสะดวกซื้อต่างๆมีอยู่มากมาย มีอยู่ทั่วทุกซอย เราสามารถนำขนมปี๊บนำมาแพ็คใส่ถุงแพ็คใส่กล่อง
ทำแพคเกจดีๆเลือกขนมที่อร่อย ทำให้สะอาด เราสามารถทำส่งได้ทุกร้านไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ
รวมถึงตามสหกรณ์โรงเรียน หรือสามารถทำเป็นขนมจัดเบรคของโรงงาน ของโรงเรียน หรือนำมาขายตามตลาดนัดก็ได้
เพียงแค่คุณสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการบรรจุในแพคเกจให้ดูดี สิ่งเหล่านี้ก็ทำให้คุณมีชัยมากไปกว่าครึ่ง ในวันนี้เราได้มีเทคนิค
และเคล็ดลับดีในการสร้างอาชีพที่ได้จากขนมปี๊บ เรามาดูกันว่าเขาทำกันอย่างไร
แล้วกลุ่มตลาดละ เราจะส่งที่ไหนดี ผมมองว่ากลุ่มลูกค้าแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ
กลุ่มลูกค้าระดับบน คือเป็นซุปเปอร์มาเก็ตขนาดใหญ่ ร้านกาแฟที่ดูดีซักหน่อย หรือซุปเปอร์มาเก็ตตามหอพักนักศึกษา
กลุ่มลูกค้าประเภทนี้รูปแบบร้านจะมีการจัดวางสินค้าที่เป็นระเบียบ มีชั้นวางสินค้าที่เป็นสัดส่วน
ราคาที่วางขายอยู่ในร้านประเภทนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20 -40 บาท ถ้าเราจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบนเราต้องเน้นการแพ๊คกิ้งให้ดูดีเป็นพิเศษ
ให้มองแล้วดูน่าซื้อ น่ากิน โดยส่วนมากถ้าเราส่งทางร้าน 16 บาท ทางร้านก็จะขายอยู่ที่ 20
ส่วนกลุ่มลูกค้าระดับล่าง ก็จะเป็นร้านขายของชำ หรือซุปเปอร์มาเก็ตขนาดเล็ก หรือตามสหกรณ์โรงเรียน สหกรณ์โรงพยาบาล
ราคาที่วางขายกันอยู่ก็จะประมาณ 10 – 20 บาท อันนี้การแพ๊คกิ้งไม่ต้องถึงกับเลิศหรูมาก แต่ก็ต้องให้ดูดีพอประมาณ
ราคาขายส่งก็จะอยู่ที่ห่อละ 8 บาท ทางร้านก็จะขายในราคา 10 บาท
เมื่อรู้กลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายแล้ว เราก็มาดูต้นทุน และวัสดูอปกร์ที่ต้องใช้ในการแพ๊คขนมกันครับ
เงินลงทุนขั้นต่ำควรมีซักประมาณ 10,000 บาท โดยแบ่งเป็น
1. สำหรับซื้อขนมปี๊บขนาด 5 กิโล ราคาประมาณปี๊บละ 280 – 450 บาท แล้วแต่ชนิดของขนม โดยอาจจะทดลองซัก 10 ปี๊บก่อน
2. เครื่องซีลปากถุง ราคาตั้งแต่ 850 – 3,000. บาท แนะนำว่าควรใช้ราคาประมาณพันกว่าบาทก็พอแล้ว
3. ถุงใส่สำหรับแพ๊คกิ้ง และตราชื่อของคุณ ถุงใส่นั้นมีขายตามร้านขายอุปกร์ทำเค้กหรือเบเกอรี่ทั่วไป ส่วนตราหรือโลโก้นั้น
ถ้าทำเองไม่เป็นก็ไปให้ร้านทำป้าย หรือร้านคอมเขาออกแบบให้ ไม่กี่ตังค์ครับ ทุนตรงนี้ก็ไม่เกิน 2,000 บาท
ผมขอแนะนำว่าเราควรทดลองชิมขนมที่เราหมายตาไว้ว่าจะส่งขาย โดยไปทดลองซื้อแบบที่เขาแบ่งขายดูก่อน ซื้อมาชนิดละ
สิบหรือยี่สิบบาท เราชิมแล้วถูกใจรสชาติแบบไหน ก็ซื้อยกปี๊บจากแหล่งขายส่ง ซื้อเสร็จแล้วก็มาคำนวนดูว่าตกต้นทุนประมาณ
กิโลละกี่บาท ถ้า 1 กิโลเราจะสามารถแพ๊คได้กี่ถุง อย่าลืมบวกต้นทุนเรื่องค่าขนส่งไปด้วยนะครับ
เพราะรถต้องใช้น้ำมันในการวิ่งติดต่อส่งขนม เรื่องเงินก็แล้วแต่เราจะตกลงกับทางร้านที่เราจะไปส่งว่าจะเก็บเป็นเงินสด
หรือรอบบิล หนึ่งอาทิตย์มาเก็บเงินก็ได้ อันนี้ไม่มีกฏเกณฑ์ ถ้าแพ็คกิ้งดูดี ราคาไม่แพง รสชาติถูกปากลูกค้ายังไงก็ขายได้
ขึ้นชื่อว่าของกิน ฝากเป็นเคล็ดลับนิดหนึ่งครับ ถ้าร้านไหนมีชั้นวางสินค้าเป็นระเบียบ เป็นสัดส่วนมักจะขายดี
ถ้าเลือกเจาะกลุ่มได้ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่
ใครสนใจอยากหารายได้เสริมก็น่าสนใจนะครับ คนมีงานประจำอยู่แล้วก็สามารถทำได้ วางแผนการติดต่อส่งร้านค้า
วนรอบหนึ่งอาทิตย์ก็ไปเช็คดูสักครั้ง ผูกมิตรกับร้านค้าไว้ ยิ้มแย้มแจ่มใสเวลาพูดคุยติดต่อ มีขนมให้เจ้าของร้านได้ลองชิมดูบ้าง
ได้ใจเขาแน่นอน ก็ฝากไว้อีกหนึ่งอาชีพช่องทางทำเงินครับ
คู่มือการลงทุน
– ทุนเบื้องต้น ประมาณ 10,000 บาท
– ทุนวัตถุดิบ ไม่เกิน 300 บาท/ปี๊บ
– รายได้ 400 บาท/ปี๊บขึ้นไป
– แรงงาน 1 คน
– ตลาด ฝากขายราคาส่งตามร้านค้าทั่วไป
– จุดน่าสนใจ ทำง่ายกำไรดี, เป็นอาชีพเสริมได้
เห็นแบบนี้แล้วไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะคะ เพียงแค่เรานำสิ่งที่มีมาปรับปรุงและคิดค้นสิ่งใหม่ๆที่จะสามารถสร้างมูลค่า
เพิ่มให้ได้เราก็จะมีต้นทุนที่สูงกว่าคนอื่น ทำให้มีรายได้เข้ามาหาเลี้ยงตัวเองได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณข้อมูลจาก : number1money.blogspot