Home บทความ 15 ประโยค ไม่ควรไปพูดกับหัวหน้า อาจทำให้คุณดูแย่

15 ประโยค ไม่ควรไปพูดกับหัวหน้า อาจทำให้คุณดูแย่

ปิดความเห็น บน 15 ประโยค ไม่ควรไปพูดกับหัวหน้า อาจทำให้คุณดูแย่
7

มีหลากหลาย สิ่งที่เราควรเรียนรู้ในการทำงาน ไม่ว่าจะกับเพื่อนร่วมงานหรือกับหัวหน้างานหรือแม้กระทั่งบอสใหญ่

มารยาทและวินัยในการทำงานสำคัญมาก เพราะบอกได้ถึงความเป็น

 

มืออาชีพและนั่นคือ อีกจุดที่จะนำไปพิจารณาในการขึ้นเงินเดือน หลายสิ่งที่เราไม่ควรพูดกับเจ้านาย/หัวหน้างาน

อย่าได้เผลอเชียวล่ะ บางทีคำพูดที่ เราบอกตัวเองเสมอว่า “ก็เป็นคน

พูดตรงๆ มีอะไรก็พูด” ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป

 

1. ฟังแล้วยากจัง/ ไม่น่าจะเป็นไปได้

เมื่อยังไม่ได้เริ่มลงมือทำ อย่าคิดว่าสิ่งใดยาก เกินกว่าจะจัดการปัญหาได้ ความยากของงาน คือบทพิสูจน์ของ

ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานของเรา ยิ่งถ้าเราทำให้งานที่เป็นไปไม่ได้

 

ให้เป็นไปได้เชื่อว่าเจ้านายจะให้ความไว้วางใจ ในตัวเรามากขึ้น แต่หากเราพูดประโยคนี้ตั้งแต่ก่อนเริ่มโปรเจค

คุณอาจจะไม่ได้ทำโปรเจคนี้เลยก็เป็นได้

 

2. คุณไม่ได้บอกให้เราทำงานนั้น

เป็นไปได้ที่เจ้านาย จะไม่ได้สั่งงานนั้นจริงๆ แต่สิ่งที่เราควรเลี่ยงคือโทษเจ้านายโดยตรง วิธีที่ดีที่สุดคือหาทาง

พูดคุยและหากยังไม่ถึงกำหนดงาน อาจจะต้องคุยกันว่าทำตอนนี้พอจะเป็น

 

ไปได้หรือไม่แต่อย่าลืมที่จะพูดคุยเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเดิมขึ้นในครั้งหน้า และหากเจ้านายไม่ได้สั่งงานเราจริงๆ

แล้วอย่ารับเอาความผิดชอบมาใส่ตน อาจจะเพียงขอโทษไปแต่อย่าโทษตัวเอง

 

3. เวลาไม่พอที่จะทำงานนี้ให้เสร็จได้ทันเวลา

ทุกๆคนก็คงมีงานล้นมือเหมือนกันทั้งนั้น แต่หากเรามีงานเยอะและทำไม่ทันจริงๆ ควรพูดคุยหรือขอความช่วยเหลือ

ก่อนจะถึงกำหนดการส่งงาน การขอความช่วยเหลือไม่ได้หมายถึง

 

ประสิทธิภาพในการทำงานของเราไม่ดีพอแต่หมายถึงเรารู้จักการแก้ปัญหาและมีเหตุผล เพียงพอในการ

ขอความช่วยเหลือนั้น หัวหน้างานอาจจะให้คำแนะนำถึงระบบ การทำงานเพื่อให้เสร็จทันเวลา

หรืออาจจะได้รับคำแนะนำที่ทำให้เราจัดการปัญหาได้ดีพอ

 

4. คงจะดีถ้าไม่ต้องตอบเมล์ตอนดึก

เรื่องจริงของยุคนี้ คือการที่เราทำงานผ่านมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งงานผ่านเมล์หรือแชทต่างๆ เป็นไปได้ที่เจ้านาย

คิดงานได้ตอนดึก และต้องการสั่งงานเอาไว้ก่อนที่จะลืม หรือมีการ

 

แก้ไขงานในตอนดึกหากเป็นบ่อยๆจนทำให้การพักผ่อนของเราสะดุดการจะเข้าไปพูดคุยกับเจ้านายนั้น

เป็นสิ่งที่ควรทำ แต่น้ำเสียงในการพูดคุยนั้นควรเป็นไปอย่างราบเรียบ ไม่ใช่

 

อารมณ์หงุดหงิดจากการนอนไม่เพียงพอ ถามในสิ่งที่ควรถามเช่น “ถ้าหากไม่ได้ดูเมล์ตอนดึกๆและ

ไม่สามารถตอบกลับได้ควรทำอย่างไร”หรือ ถ้าหากจะขออนุญาตตอบเมล์หรือ

 

แชทต่างๆในช่วงเวลา… ได้หรือไม่หากพูดคุยด้วยเหตุผลแล้วไม่ได้ผล นั่นก็อาจจะเป็นวัฒนธรรมองค์กร

ที่ไม่เข้ากับตัวเรา ลักษณะงานบางงานนั้นอาจจะต้องการการตอบรับอย่างใด

อย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอาจจะต้องสอบถามตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์งานแล้วก็เป็นได้

 

5. เจ้านายแน่ใจแล้วหรือที่จะทำอย่างนั้น

อย่าได้…ล้ำเส้นเข้าไปสอนงาน เจ้านายเด็ดขาด โดยเฉพาะพูดแล้วมีเสียงหัวเราะเบาๆด้วยแล้วยิ่งไม่ควรอย่างยิ่ง

การตัดสินใจต่างๆที่เจ้านายได้ทำไปแล้วนั้นเรามีหน้าซัพพอร์ทงานและทำเพื่องานลุล่วงไปได้โดยดี

หากงานมีปัญหาเกิดขึ้นหรือไม่ เป็นอย่างที่คิดก็เพียงแค่พูดคุยเพื่อขอคำแนะนำ

 

6. งั้นขอลาออกละกัน

ไม่ว่าเจอปัญหาหรือถูกตำหนิมาอย่างไร การพูดถึงเรื่องการลาออก เหมือนเป็นการ ข่ ม ขู่ ซึ่งมักไม่ได้ผล

และไม่มีใครคิดว่าการที่คุณลาออกนั้นจะทำให้บริษัทล่มสลายหากคุณแสดง

 

สภาวะจิตใจที่ต้องการประชดหรือ ข่ ม ขู่ ออกมา บริษัทเองก็คงไม่อยาก เ สี่ ย ง

กับการที่คุณพูดอะไรไม่คิดแบบนี้ และนั่นคือการหนีปัญหาที่ชัดเจนที่สุด

 

7. วันนี้เหนื่อยและหมดพ ลั ง

ไม่ว่าเมื่อคืนคุณจะไป เ ม า หนักที่ไหนมา การพูดคือสิ่งที่บอกได้ว่า คุณไม่มืออาชีพ ไม่ว่าจะเหนื่อย ง่วงขนาดไหน

เมื่อถึงเวลางานก็คือหน้าที่ของคุณที่จะทำให้ตัวเองมีพลั งใน

 

การทำงานให้เต็มที่ หากทำไม่ได้คุณมีปัญหา กับระบบการจัดการในตัวเองซึ่งทำให้เป็นปัญหากับการ

ทำงานแน่นอนหลายๆ คำพูด นั้นเมื่อใส่อารมณ์ ในการพูดเข้าไปด้วย เชื่อว่า

 

จะ เ ล ว ร้ า ย กว่านี้มาก การปีนเกลียว หรือล้ำเส้นเจ้านายไม่ดีแน่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามบางอย่างที่สามารถเก็บคำพูด

เอาไว้ได้ก็ควรทำ การทำงานนอก จากทำตามหน้าทีแล้วยังต้องสามารถต่อยอดงานได้ และต้องรู้จัดอดทนอดกลั้น

ต่อสิ่งที่ไม่ควรพูดอีกด้วย

 

8. ตอนนี้ยุ่งมากเลย งานนี้ไม่เร่งใช่มั้ย

เมื่อรู้ว่าตอนนี้กำลังยุ่ง งานล้นมือจริงๆ เราสามารถถามหัวหน้าได้ ถึงความสำคัญของงานใหม่

ฉะนั้นควรปรับมาทำงานชิ้นใหม่ก่อนและหยุดงานที่กำลังทำอยู่ไว้ ชั่ ว คราววิธีนี้จะทำให้หัวหน้า

 

รู้ว่าจริงๆแล้วงานล้นมือ แต่หากมีงานเร่งด่วน เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ ไม่ยึดติด

และหากงานที่กำลังทำค้างเอาไว้นั้นล่าช้าก็เพราะเรามีเหตุผลที่ดีพอ

 

9. งานนี้ไม่ใช่งานในความรับผิดชอบ

แม้ไม่ใช่งาน ในความรับผิดชอบของเราก็ตาม หากหัวหน้าสั่งงานเราก็ควรทำ เพราะสิ่งที่หัวหน้ามองอยู่นั้น

อาจจะไม่ใช่เพียงแค่ให้เราทำงานนั้นๆให้เสร็จ แต่นั่นบอกไปได้ถึงการที่เรา

 

ก้าวออกจากบทบาทงานของตัวเองได้และสามารถทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงได้รวมถึงการทำให้โปรเจ็ค

นั้นลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งมีเราเป็นผู้ช่วยคนสำคัญ หากเราปฎิเสธเสียแล้ว นั่นหมายถึง

 

เราไม่มีความยืดหยุ่น ในการทำงานเอาเสียเลยแต่หากมีปัญหาไม่สามารถทำได้เนื่อง

จากงานล้นมืออยู่แล้ว ควรต้องคุยกับหัวหน้าด้วยเหตุผลดีๆ ไม่ใช่ใส่อารมณ์เมื่อได้รับมอบหมายงาน

 

10. ตอนทำงานที่เก่า ทำงานกันแบบนี้

ระลึกไว้เสมอว่า งานแต่ละแห่ง ไม่เหมือนกัน ตำแหน่งเดียวกัน แต่ลักษณะงานก็แตกต่างโดยเฉพาะวัฒนธรรม

ในองค์กรนั้นๆควรเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นำสิ่งที่เรียนรู้มาแล้วนำมาปรับใช้กับงานที่ใหม่ให้ได้ อย่ายึดติดกับสิ่งเดิมๆ

ที่ทำให้เราไม่ก้าวไปไหนสักที

 

11. เราทำงานได้มากกว่า…ควรได้เงินเดือนมากกว่าหรือขึ้นเงินเดือนมากกว่า

เรื่องเงินเดือนหรือขึ้นเงินเดือน เป็นพิจารณาของบริษัท เราสามารถขอขึ้นเงินเดือนได้ แต่ไม่ควรบอกว่า

เราทำงานได้มากกว่าคนอื่นๆ เพราะการทำงานของแต่ละคนไม่เหมือนกันอาจจะรู้สึก

 

เหมือนว่าเราทำงานได้เยอะ ทำงานได้ดีแต่นั่นคือความรู้สึกของเราเอง และเราจะทำให้ เพื่อนร่วมงานมองในแง่ลบ

ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเราเลย ทางที่ดีหากต้องการ ขอขึ้นเงินเดือนหรือใดๆ

ควรพูดเฉพาะในส่วนของตัวเอง และไม่ได้หมายความว่าการขอนั้นจะได้เสมอไป

 

12. ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี

เมื่อรู้ว่าเกิดปัญหาขึ้น ในการทำงานไม่ว่าโปรเจ็คใดๆ เมื่อต้องการขอความช่วยเหลือจากหัวหน้า ควรคิดการแก้ปัญหา

ไปอย่างคร่าวๆ และขอความเห็นมากกว่าการที่จะบอกว่าปัญหาที่

 

เกิดขึ้นนั้นแก้ไขไม่ได้เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร นั่นแสดงถึงวุฒิภาวะ

ที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งงาน งานทุกงานย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นได้เสมอ อยู่ที่การจัดการและแก้ปัญหานั้นๆ

 

13. ทำดีที่สุดแล้ว

ความผิดพลาด เกิดขึ้นได้เสมอ หากเรารู้สึกได้ถึงความผิดพลาดนั้นจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดจากตัวเราเองหรือปัจจัยรอบข้าง

สิ่งที่ต้องทำคือ นำความผิดพลาด นั้นไปปรับปรุง แต่หากเกิดความ

 

เสียหายขึ้นมาแล้วไม่ควรตอบไปว่า “ทำดีที่สุดแล้ว”เพราะนั่นอาจหมายถึงคุณยังทำได้ไม่ดีพอ ที่จะทำให้งานลุล่วง

และเป็นการปัดความรับผิดชอบ ทั้งหมดจากคำพูดนั้นๆ สิ่งควรพูดคือ…ขอโอกาส และจะพยายามนำไปปรับปรุง

ครั้งหน้าจะทำให้ดีกว่านี้

 

14. ไม่สามารถทำงานร่วมกับคนๆนี้ได้

ไม่ว่าคุณจะเคมีไม่ตรงกัน กับเพื่อนร่วมงานมากแค่ไหน หรือมีปัญหาส่วนตัวขัดแย้งกันอย่างมากมาย

แต่การทำงานนั้นเมื่อได้รับมอบหมาย ควรพยายามที่จะทำงานร่วมกับใครก็ตามที่หัวหน้า

 

เห็นว่าจะทำให้งานสำเร็จ หรือหากหัวหน้ารู้ปัญหานี้อยู่แล้วก็อาจจะเป็นไปได้ที่ต้องการ

ให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับบุคคลนั้นได้ เพราะการทำงานนั้นไม่ควรมีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง

 

15. ไม่ใช่ความผิดของเรา เป็นความผิดของ….

การโทษคนอื่นไม่ได้ทำให้เราดูดี หรือไม่ผิด หากทำงานเป็นทีม อย่าโทษผู้อื่น เพราะนั่นหมายถึงคุณกำลังสร้าง

ศั ต รู ขึ้นในที่ทำงานแม้จะไม่ใช่ความผิดของคุณจริงๆ คุณควรให้ผู้ที่ทำ

ผิดพลาดมีโอกาสได้พูดถึง ความผิดนั้นด้วยตนเอง อย่าร้อนตัวจนชี้นิ้วไปยังใครคนใดคนหนึ่ง

 

ขอบคุณที่มา : p o o y i n g n a k a

Load More In บทความ
Comments are closed.

Check Also

คนที่ให้เงินเขายืม มักจำได้ แต่คนที่ไปยืมเงินเขามามักจะลืม

คนที่ให้เ งิ นเขา ยื ม มักจำได้ แต่คนที่ไปยื มเ งิ นเขา … …