สังเกตมั๊ย? ทำไม “คนเก่งๆ” มัก “มีเพื่อนน้อย”
เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม เวลาไปไหนมาไหนทีก็ขนกันไปเป็นกลุ่มก้อน แต่เคยสงสัยมั้ยว่าทำไม
บางคนดูเหมือนไม่ค่อยมีเพื่อน ทั้งๆ ที่ก็ดูเป็นคนที่เก่ง เรียกว่าแทบจะเพอร์เฟ็คเลยล่ะ
วันนี้เราจะพามาดูผลการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าทำไมพวกเขาถึงมีเพื่อนน้อย
“ความสุข” ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ถ้าจะพูดถึงวิธีที่ทำให้มีความสุขชีวิตแฮปปี้แล้วล่ะก็ เราเชื่อว่าทุกคนคงมีเวย์ที่ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะใช้วิธีพยายามไม่เครียด
หรือบางผลการวิจัยก็บอกว่าเมื่อเราลดการเสพโซเชียลลงก็สามารถช่วยพัฒนาอารมณ์และพาเรากลับไปมีความสุขกับสิ่งรอบตัวได้ง่ายขึ้น
หรือแม้แต่การได้ใช้เวลาอยู่กับ “เพื่อน” ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สร้างความสุขของใครหลายคนได้เหมือนกัน
“ความท้าทาย” ที่ต้องการเอาชนะด้วย “ตัวเอง”
มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาของ The British Journal of Psychology ของ Norman Li และ Satoshi Kanazawa ที่บอกว่าคนที่เก่ง
หรือฉลาดมักจะไม่ค่อยแฮปปี้เมื่อพวกเขาต้องสังสรรค์หรือมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ซึ่งอาจจะมาจากข้อสันนิษฐานที่ว่าความเก่ง
หรือความฉลาดนั้นมักจะสัมพันธ์กับความสามารถในการแก้ไขปัญหาหรือความท้าทายต่างๆ คือยิ่งฉลาดมาก
จะยิ่งรู้สึกว่าอยากที่จะเอาชนะความท้าทายต่างๆ นั้นให้ได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนหรือใครก็ตาม
หรืออาจจะพูดได้ว่าความสุขของคนส่วนใหญ่มักจะมีเพื่อนอยู่ในนั้น แต่สำหรับคนเก่ง หรือคนฉลาด พวกเขากลับรู้สึกแฮปปี้กว่าที่จะอยู่คนเดียว
แต่ “มีเพื่อนเยอะ” ก็ไม่ได้แปลว่า “ฉลาดน้อย”
อย่าเพิ่งคิดว่าอ้าวววว…แล้วถ้าเรามีเพื่อนเยอะ นี่คือชั้นไม่มีสกิลในการแก้ปัญหาหรือเอาชนะความท้าทายหรอ T_T
เพราะมันเป็นคนละเรื่องกัน การศึกษาวิจัยนี้พูดถึงความเกี่ยวโยงกันของความฉลาดและพฤติกรรมการเข้าสังคม
ไม่ได้พูดถึงสาเหตุว่ามีเพื่อนน้อยแล้วจะฉลาดกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนที่แฮปปี้กับการมีแก๊งค์เพื่อนรายล้อม
นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณฉลาดน้อยหรือไม่ฉลาดนะ เพียงแต่ว่าคนฉลาดอาจจะมีความสามารถในการปรับตัวในการอยู่ในสังคม
ในสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดีกว่า และรู้สึกสบายตัวมากกว่าในการรับมือกับสถานการณ์ที่หลากหลาย
ด้วยตัวของเขาเองก็เท่านั้น
งานวิจัยใหม่ของ The British Journal of Psychology ได้ตั้งคำถามว่า หัวใจหลักของการมีชีวิตที่ดีคืออะไร?
โดยนักวิจัยได้ทำการสำรวจคนจำนวนกว่า 15,000 คน ในช่วงอายุระหว่าง 18 ถึง 28 ปี แล้วพบว่าคนที่อยู่ในเขตชุมชนที่มีความหนาแน่นของประชากรมาก
จะระบุว่าพวกเขานั้นไม่ค่อยพึงพอใจต่อคุณภาพชีวิตของตัวเองมากนัก นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มคนที่ได้มีโอกาสปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทบ่อยๆ จ
ะระบุว่าพวกเขานั้นมีความสุขเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก
“คนฉลาด คือ ข้อยกเว้น”
อย่างไรก็ดี มันก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่ เพราะความสัมพันธ์ที่กล่าวมานี้กลับลดลงอย่างเห็นได้ชัดในผู้ที่มีไอคิวสูง
“โดยความหนาแน่นของประชากรได้ส่งผลกระทบต่อคนฉลาดเป็นอย่างมาก และคนฉลาดมีความพึงพอใจต่ำ ยิ่งกว่าคนทีมีไอคิวต่ำกว่าถึง 2 เท่า”
หมายความว่า ยิ่งคุณฉลาด คุณยิ่งไม่ชอบเข้าสังคม คุณจะมีความพึงพอใจกับชีวิตน้อยลงเมื่อต้องเข้าสังคมและพบเจอคนอื่นบ่อยๆ แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
“คนฉลาดจะโฟกัสไปที่เป้าหมายระยะยาว”
คนที่มีไอคิวสูงมักจะไม่ใช้เวลาไปกับการเข้าสังคม นั่นเป็นเพราะคนฉลาดมักโฟกัสไปที่เป้าหมายในระยะยาว พวกเขามีความสนใจและมีแรงผลักดัน
ในการจะสร้างบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนที่คุณรู้จักที่ได้เข้าศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา หรือได้ทำธุรกิจของตนเอง
ในระหว่างที่พวกเขาเดินตามความฝัน พวกเขาได้ลดการพบปะผู้คน เพื่อโฟกัสไปที่การงานและการสร้างฝันของพวกเขาให้เป็นจริง
คนฉลาดที่กำลังจะบรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ อาจมองว่าการเข้าสังคมเป็นสิ่งรบกวนเขา และคอยทำให้เขาเสียสมาธิในการที่จะก้าวไปให้ถึง
เป้าหมายระยะยาวของเขา ในทางกลับกันก็คือ มันส่งผลต่อความสุขของพวกเขาด้วย
“ในระหว่างที่กำลังเดินตามเป้าหมาย คนฉลาดจะเก็บตัวและใส่ใจกับความฝันที่แท้จริงของพวกเขา”
แทนที่จะออกไปเทียวในคืนวันเสาร์พบปะกับเพื่อนสองสามคน ไม่ใช่ว่าพวกเขามองไม่เห็นคุณค่าของเพื่อน
เพียงแต่ในระหว่างที่กำลังมุ่งหน้าสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ พวกเขาอาจมองว่าการเข้าสังคมเป็นการรบกวนสมาธิของเขา
“พัฒนาการที่แตกต่างของคนฉลาดในช่วงวิวัฒนาการของสมอง”
วิวัฒนาการของสมองมนุษย์นั้นเกิดขึ้นเพื่อความอยู่รอดของบรรพบุรุษในสภาพแวดล้อมแบบทุ่งหญ้าสะวันนา
เมื่อก่อนนั้นมนุษย์มีจำนวนประชากรต่ำและใช้ชีวิตแบบ ผู้ล่า-ผู้เก็บเกี่ยว มนุษย์ในสมัยนั้นจำเป็นต้องปฏิสัมพันธ์
กับคนใกล้ชิดเพื่อความอยู่รอด และการดำรงเผ่าพันธุ์สืบไป
เมื่อมองมาที่ปัจจุบัน การใช้ชีวิตของมนุษย์ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก และการปฏิสัมพันธ์ก็เป็นไปอย่างง่ายดาย
คนฉลาดมักจะเป็นผู้ที่จัดการกับปัญหาต่างๆ ในยุคปัจจุบันได้มากกว่า นั่นหมายความว่า
คนฉลาดมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาใหม่ๆ และรับมือกับเหตุการณ์ใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น
“เมื่อคุณฉลาด คุณจะยิ่งสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น”
อีกทั้งยังสามารถผสมผสานสัญชาตญาณของบรรพบุรุษให้เข้ากับโลกปัจจุบันได้ง่ายอีกด้วย นี่อาจเป็นเพราะคนฉลาด
สามารถละทิ้งความต้องการที่จะปฏิสัมพันธ์ในแบบของสังคมผู้ล่า-ผู้เก็บเกี่ยว เพื่อเลือกที่จะใช้เวลาไปกับการบรรลุเป้าหมาย
“คนฉลาดเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ต่างจากคนทั่วไป”
คนฉลาดให้ความสำคัญกับเพื่อนและสังคมเช่นเดียวกับคนทั่วไปนั่นแหละ เพียงแต่ว่าพวกเขาค่อนข้างเรื่องมากเมื่อต้องแบ่งเวลา
เพื่อให้ใช้อย่างคุ้มค่า ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รักเพื่อนหรือการสังสรรค์ เพียงแต่ว่าพวกเขาก็รักเป้าหมายส่วนตัวของพวกเขา
ที่ต้องก้าวไปให้ถึงเช่นเดียวกัน
ข้อมูลจาก healthaddict