1. เลิก โ ท ษ ตัวเอง
การโ ทษตัวเองเป็นกับดัก เพราะบางครั้งทำให้เรามัวแต่คิดว่า “เรานี่แ ย่ขนาดไหน”
พอตำหนิตัวเองว่า “เราแ ย่มากที่ไม่ระมัดระวั งให้ดี” หรือ “สื่อส า รได้แ ย่อย่ างนี้
เราคงไม่มีทางประสบความสำเร็จหรอก” มีแต่ทำให้ทุ กข์ใจมากขึ้น
เมื่อไม่ยอมรับตัวเองมาขึ้นเท่าไหร่ เราจะตั้งขีดจำกัดว่า “ยังไงเราก็ทำได้แค่นี้”
และหาเหตุผล “แก้ตัวให้ตัวเองไม่ต้องทำ” การโ ทษคนอื่นไม่ทำให้ตัวเองเติบโต
แต่การเอาแต่ตำหนิตัวเองอย่ างเดียวก็ย ากที่จะก้าวไปข้างหน้าได้ ทำให้เมื่อต้องเจอ
กับสถานการณ์แบบเดียวกันอีกก็จะตื่นกลัวมากเกินความจำเป็น ต่อให้มีศักยภาพ
พอจะก้าวข้ามสิ่งนั้นจริง ๆ แต่ก็อาจทิ้งโอกาสของตัวเอง เพราะคิดว่า
“ไม่น่าจะไหว เมื่อก่อนเราก็ทำไม่ได้นี่”
แต่ถ้านิย าม “ความสำเร็จเฉพาะตัวได้” ต้องใช้เกณฑ์ความรู้สึกพึงพอใจว่าเป็นสภาพ
ที่ตัวเราเองยอมรับได้ ไม่เสี ยใจภายหลัง ทำให้เรารู้สึกพอใจมากและมีรอยยิ้ม
เช่น บางคนพอใจกับการทำงานอย่ างบ้ าคลั่ง ในขณะที่บางคนกลับทำงานนิดหน่อยพอแค่
ให้ตัวเองได้เที่ยวและมีความสุข เลิกโ ทษตัวเองตั้งแต่วันนี้ แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่ างมี
ความสุขและเข้มแข็ง
2. ทิ้งเรื่องกังวลใจ
แต่ละคนมีเรื่องที่ต้องกังวลแต กต่างกันไป เช่น เรื่องงาน เงิ น การแต่งงาน ชีวิตหลักเกษียณ
การประชุมสัปดาห์หน้า หรือการพรีเซ้นต์งานใหญ่กับลูกค้า
แต่เรื่องส่วนใหญ่ถึงจะกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น และไม่รู้ว่า
จะเป็นอย่ างไร ความกังวลกับเรื่องที่ยังไม่เกิดก็เป็นแค่การคิดไปเอง ซึ่งทำให้เสี ยเวลาและ
พ ลั งใจ ไม่ช่วยให้เติบโต
การจะขจัดความกังวลได้นั้น มีแต่ต้องลงมือทำอย่ างเป็นรูปธรรมเท่านั้น วิ ธีขจัดความกังวล
ว่าจะพรีเซ้นต์งานได้ดีหรือเปล่า มีเพียงการฝึกซ้อม เตรียมเอกส า รให้พร้อม
คาดเดาหัวข้อที่น่าจะโดนสอบถามล่วงหน้า ให้ทุ กคนช่วยคอมเมนต์ แล้วแก้ไข ฝึกซ้อมซ้ำ ๆ
ให้พูดได้โดยไม่ต้องมองเอกส า ร รวมถึงกิริย าท่าทางและการใช้มือเพื่อดึงดูดความสนใจ
แต่ถ้านึกวิ ธีจัดการอย่ างเป็นรูปธรรมไม่ออก แสดงว่าความกังวลนั้นยังคลุมเครือ แค่รู้สึกกังวลเฉย ๆ
แต่จับความรู้สึกได้ไม่แน่ชัดว่ากังวลเรื่องอะไร แบบนี้ย่อมนึกวิ ธีแก้ไขไม่ออก ความกังวลก็ไม่มี
ทางหายไป ดังนั้นหาให้เจอชัด ๆ ก่อนว่ากังวลเรื่องอะไร
ถ้ากังวลเรื่องสุ ข ภ า พ ให้เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต เลือกกินอ า ห า รที่มีประโยชน์ต่อสุ ข ภ า พ
หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ทำให้เ ค รี ย ดเกินไป เมื่อเจอแนวทางไปสู่การปฏิบัติอย่ างเป็นรูปธรรม
เราก็หาวิ ธีแก้ไขแล้วลงมือทำทีละอย่ าง แม้จะขจัดความกังวลไม่ได้ทั้งหมด
แต่สามารถบรรเทาลงได้
3. เลิก ทุ ก ข์ ใจเรื่องป มด้ อย
ถ้ามัวแต่ทุ กข์ใจเรื่องปมด้ อยก็อาจเกิดข้อเสี ยได้ เช่นคำว่า “คนอย่ างฉันทำไม่ได้หรอก”
และนิสัยนี้ทำให้กลายเป็นคนที่ดูถู กคนอื่นว่า “ห ม อนั่นก็ทำไม่ได้หรอก”
ลองนำปมด้ อยของคุณมาเป็นอ า วุ ธดังเช่นคนต่อไปนี้ บางคนกลุ้มใจที่ตัวเองผิวแห้ง จึงเปิดกิจการ
ร้านเสริมสวย บางคนลำบากที่ตัวเองเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
จึงเปิดร้านออนไลน์ขายผลิตภัณฑ์แก้ภูมิแพ้ คนที่อย ากแต่งงานแต่ไม่มีโอกาสได้เจอผู้คนก็จัดกิจกร รมหาคู่
คนที่เคยทุ กข์ร้อนจากการหย่ าร้าง ก็เปิดบริษัทที่ปรึกษาด้านการหย่ าร้าง
จริง ๆ แล้วปมด้ อยที่คุณกังวลจะช่วยสร้างตลาดใหม่ได้ ไม่ว่าจะวิกผม การปลูกผม การลดน้ำหนัก
เสริมสวย หรือเรียนภาษาอังกฤษ ทั้งหมดล้วนเป็นธุรกิจที่เกิดจากปมด้ อยด้วยกันทั้งนั้น
ปมด้ อยที่นำไปสร้างเป็นธุรกิจได้นั้น คนส่วนใหญ่คงรู้สึกว่าไม่น่าทำได้จริง แต่จริง ๆ แล้ว
ปมด้ อยก็เป็นสิ่งที่ “เราคิดไปเอง” คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจขนาดนั้น
ลองบอกกับเพื่อนว่า “ช่วงนี้รู้สึกอ้วนขึ้น” อีกฝ่ายก็ตอบผ่ าน ๆ ว่า “เหรอ ก็คงใช่มั้ง” หรือถ้าบอกว่า
“ช่วงนี้ผมหงอกขึ้นเยอะจัง” อีกฝ่ายก็ตอบแค่ “อายุสามสิบกว่าก็งี้แหละ”
คนอื่นไม่ได้มองหรือสนใจเราเหมือนอย่ างที่กังวลขนาดนั้น อย่ างปมด้ อยที่พูดไปก่อนหน้านี้
ทุ กคนก็คงแค่รับรู้และไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษทุ กอย่ างมีสองด้าน เรื่องที่คุณคิดว่าเป็นจุดอ่อนก็
สามารถเปลี่ยนเป็นจุดแข็งได้
4. เลิกพึ่งพาคนอื่น
เวลารู้สึกไม่สบอ ารมณ์เรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่น สาเหตุใหญ่มักมาจากการที่ต้องอาศัยคนอื่น
เมื่อเราเริ่มพึ่งพาคนอื่นเมื่อไร พอไม่มีคนนั้น อนาคตของตัวเองก็จบสิ้น
หมายความว่าชีวิตของตัวเองจะเป็นไปในทิศทางไหนก็ขึ้นอยู่กับคนอื่นเป็นหลัก
ทางที่ดีควรเปลี่ยนจากการพึ่งพาคนอื่นเป็นเรียนรู้จากคนอื่นจะดีเสี ยกว่า
คนที่พึ่งพาคนอื่นเป็นประจำมีแนวโน้มเป็นคนชอบ “โ ทษคนอื่น” หางานทำไม่ได้ก็โ ทษ
โรงเรียนงานไม่ราบรื่นก็โ ทษหัวหน้า โ ทษเพื่อนร่วมงาน ฯลฯ การโ ทษคนอื่น
ไปเสี ยทุ กอย่ างอาจเป็นเรื่องง่าย แต่สุดท้ายจะกลายเป็นว่าตัวเองถูกคนอื่นควบคุม
หากอย ากเข้มแข็งและแข็งแกร่งขึ้นง่ายนิดเดียว แค่คิดด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง
และรับผลจากการตัดสินใจนั้นด้วยตัวเอง และรับผลจากการตัดสินใจนั้นด้วยตัวเอง
คนที่ชอบพึ่งพาคนอื่นคือคนที่ไม่คิดเอง ไม่ตัดสินใจด้วยตัวเอง ทำให้ต้องไหลไปตามคำพูดของคนอื่น
ต้องพึ่งพาคนอื่น และไม่มีทางที่จะเข้มแข็งและยืนหยัดได้
ขอบคุณที่มา : jingjai999