มื่อคุณให้อะไรกับใครๆ ฟรีๆ และ ให้ไปโดยง่าย มักจะดูไร้ค่า และ ผู้ได้รับเขากลายเป็นผู้รับจนเป็นนิสัย
อย่ างตัวอย่ างเรื่องเล่าเรื่องนี้มีชายพเนจรคนหนึ่งมาขอ เ งิ น ที่หน้าบ้านของสมชาย สมชายให้ไป 5 บาท
วันที่ 2 ชายคนนี้ก็มาขออีก สมชายก็ให้ไปอีก 5 บาท
วันที่ 3 ชายคนนี้ก็มาขออีก สมชายก็ให้ไปอีก 5 บาท
สมชายให้ทาน แ ก่ ชายคนนี้อย่ างนี้ ทุ ก วันเป็นเวลา 1 ปี อยู่มาวันหนึ่ง สมชายได้ให้ เ งิ น ชายคนนี้ไป 1 บาท จากที่เคยได้ 5 บาท
พอวันนี้ได้ 1 บาท ชายพเนจรจึงถามสมชายว่า ทำไมวันนี้คุณให้ผมแค่ 1 บาท? ตอนนี้ผมแต่งงานแล้ว มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะขึ้น สมชายตอบออกไป
แล้ว แ ก เอา เ งิ น ของฉันไปเลี้ยงเมีย แ ก ใช่ไหม? ชายพเนจรถามด้วยความโมโห
หลังจากนั้นก็อาลวาดโวยวายใหญ่ เพราะ ได้น้อยลงจากที่เคยได้ คุณเห็นอะไรไหม..
จากชายพเนจร เมื่อคุณมักให้อะไรฟรีกับใครๆ จนทำให้เขากลายเป็นผู้รับจนเป็นนิสัย
มันไม่ใช่การช่วยเหลือเขา แต่เป็นการทำให้เขาเป็นผู้รับจน ติ ด เป็นนิสัย
คล้ายๆ กันหลายครั้ง เราเคยช่วยเหลืออะไรญาติพี่น้องไปแบบนี้ จนญาติพี่น้องเรากลายเป็นผู้รับจน ติ ด นิสัยเมื่อวันหนึ่งเราลำบากขึ้นมา ไม่สามารถช่วยเหลือเข้าได้เท่าที่ควร หรือ เราไม่ให้ความช่วยเหลือ
ไม่ว่าที่ ผ่ า น มา คุณจะเคยช่วยเหลือเขามากี่สิบครั้ง เขาไม่จำ ครั้งเดียวที่เขาจำได้คือ ครั้งที่คุณไม่ได้ช่วยคุณจะกลายเป็นคนแล้งน้ำใจในสายตาของเขาทันที ยังไม่พอ เอาเราไปเที่ยวป่าวประกาศว่า
ได้ดีแล้วลืมญาติ ลืมพี่ ลืมน้อง หาว่าเราแล้งน้ำใจ ไม่เคยช่วยเหลือ เห็นไหม ยิ่งช่วยยิ่งเปลืองตัว
คน 7 ประเภทที่ควรเลิกคบหา เ สี ย เวลาชีวิต
1. ขอความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่ ว โมง
เป็นเพื่อนกันต้องช่วยเหลือกันในย าม เ ดื อ ด ร้อนเป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่หากเจอเพื่อนประเภทแบบว่าให้ช่วย ทุ ก เรื่องช่วยแทบจะ 24 ชั่ ว โมง เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ลงมือ
ทำเองได้ก็ไม่ทำ รอให้คนอื่นช่วยตลอดพอไม่ช่วยก็มีอาการขุ่นเคืองโน่นนี่นั่น อย่ า เ สี ย เวลาเลยแบบนี้ยิ่งช่วยยิ่งเปลือกตั ว เก็บน้ำใจไว้ใช้กับคนที่มีความเกรงใจจะดีกว่า
2. ชวนไปทำแต่อะไรที่ไม่ดี
กิจกรร มห่ามๆ เชื่อว่าวัยรุ่น ทุ ก คนก็คงอย ากลอง แต่ครั้นหากเจอเพื่อนที่ชวนทำแต่เรื่อง เ ล วๆไม่เคยจะชวนกันไปทำกิจ ก ร ร ม
อะไรสร้างสรรค์ แยกแยะผิดชอบ ชั่ ว ดีไม่ออกขั้นแรกก็ เ ตื อ น เพื่อนหน่อย ถ้ายังไม่ฟังก็ถอยออกมาดีที่สุด
3. พูดว่าตำหนิแต่คนอื่น
ไม่มีใครที่ไม่ถูกนินทา หรือถูกพูดลับหลังก็จริง จะว่าไปมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพูดถึงคนอื่นแต่สำหรับคนที่เจอทีไรก็ไม่มีเรื่องสร้างสรรค์อื่นๆ
มาพูดมาคุยบ้าง มีแต่เรื่องว่าคนอื่นล้วนๆคนนั้นก็ไม่ดี คนโน้นก็ไม่ดี ว่าแต่คนอื่น จ้องจับผิดแต่คนอื่นไปทั่ว มีอยู่คนเดียวที่ดีคือตัวเอง
4. กินเผือกเป็นนิจ
หวังดีกับเผือกมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ กรณีจะว่าไปก็อยู่ในหมวดไม่รู้จักขอบเขตของสถานความสัมพันธ์ของคำว่าเพื่อนก็ได้เช่นกันคืองี้นะจะบอกให้ว่า
หวังดี เป็นห่วงเพื่อนน่ะ มันเป็นสิ่งที่ เป็นคุณสมบัติของเพื่อนคนนึงที่ควรทำหากน้องๆ ย้อนถามว่าไหนบอกว่าไม่ชอบแบบไหนก็อย่ าทำแบบนั้น
หนูชอบแบบนี้เลยทำกับเพื่อนไงแต่บางทีเรื่องส่วนตัวเขาเราก็ควรดูปฏิกิริย าเพื่อนด้วยว่าเขาแฮปปี้กับสิ่งที่เราทำมั้ยอย่ าให้เขาต้องอึดอัด
เพราะอย่ างที่บอก ความหวังดีของเราจะกลายดูเป็นเพื่อนที่โคตรเผื่อกบอกเลย
5.ไม่รู้จักขอบเขต ไม่มีความเกรงใจ
ถึงจะบอกว่าสนิทกันแค่ไหน ควรเว้นระยะ และเข้าใจคำว่า พื้นที่ส่วนตัวด้วยถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่ างไรว่าเท่าไหนถึงเรียกว่าไม่ล่วงเกินขอบเขต
เอาหลักง่ายๆไม่อย ากให้ใครทำกับเราแบบไหนก็อย่ าทำแบบนั้นแต่ กับบางคนเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่ทำน่ะมันเกินขอบเขต บางครั้งเราอาจจะพูด
กับเพือนไปตรงๆแต่ ก็อย่ าใช้คำพูด รุ น แ ร ง หรือถ้าคุยแล้วไม่รู้เรื่อง เขายังทำแบบเดิมซ้ำๆ แบบนี้ก็อยู่ห่างๆ กันจะดีกว่า
6. ยืม เ งิ น แต่ไม่คืน
มีหลายคนแล้วที่ต้อง แ ต ก หั ก กันเพราะเรื่อง เ งิ น เป็นเพื่อนกันย าม เ ดื อ ด ร้ อ น ถ้าช่วยเหลือได้ก็สมควรที่จะช่วยเหลือกันค่ะแต่ในกรณีที่ถ้าเพื่อนคนไหนมายืม
เ งิ น เราบ่อยๆ แต่เวลาคืนกลับทำเหมือนไม่อย ากคืนและ แ ก ล้ ง ทำเป็นลืมๆ ผลัดวันประกันพรุ่งบ่อยๆ แบบนี้ เ สี ย ทั้ง เ งิ น เ สี ย ทั้งเพื่อน
7. เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
รับฟังความต่างไม่ได้ ไม่รับฟังความคิดเห็นใคร บางครั้งสิ่งที่คนเราคิดอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไปคนรอบข้างที่เขา เ ตื อ น ก็ควรจะรับฟัง แล้วเอามาไตร่ตรองดู
ไม่ใช่ไม่ฟังใคร ไม่เปิดใจดีแต่จะให้คนรอบข้างฟัง และทำตามอย่ างที่ตัวเองคิดเพียงอย่ างเดียวคนที่เป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักพูด พร้อมกับขณะเดียวกันก็ต้องรู้จัก
ฟังเพื่อนด้วยไม่ใช่เอาแต่ความคิด และตัวเองเป็นที่่ตั้ง ใครเขาจะอย ากร่วมเคียงข้างไปกับคุณได้ ทุ ก เวลา
ที่มา : อ่ า น เ อ ง น ะ