1. เริ่มต้นช้า
ยิ่งคุณปล่อยให้ตัวเองใช้เงินโดยไม่เก็บออมนานเท่าไร โอกาสที่คุณจะร่ำรวยก็ยิ่งน้อยลง
ในขณะที่คนอื่นกำลังเริ่มเก็บออมเงินเพื่ออนาคต คุณกลับใช้เงินโดยไม่คำนึงถึงอนาคต
กว่าจะรู้สึกตัวก็ช้าเกินไปเสียแล้ว และกว่าจะมาเริ่มเก็บเงิน คุณก็อาจจะไม่ถึงฝั่งฝันอย่างที่ตั้งใจไว้
เพราะแก่เกินไป รู้แบบนี้แล้วก็รีบเก็บออมเงินเถอะ ก่อนจะเข้าตาจนในอีกไม่ช้า
2. ไม่ควบคุมค่าใช้จ่าย
หลายคนมักประสบปัญหาชักหน้าไม่ถึงหลัง ได้รับเงินมาเท่าไรก็ไม่พอ มนุษย์เงินเดือนบางคน
ได้รับเงินเดือนต้นเดือน ผ่านไปไม่ถึงครึ่งเดือนก็แทบจะต้องรัดเข็มขัดกันแล้วนั่น
ก็เป็นเพราะคุณไม่มีการควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็ไม่ยาก แค่เพียงเริ่มจดบันทึก
รายรับ-รายจ่ายเท่านั้น คุณก็จะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นแล้ว
3. ไม่เก็บออมเงินสำหรับ ฉุ ก เ ฉิ น
การเก็บออมเงินช่วยให้คุณมีฐานะที่มั่นคงในภายภาคหน้า ทั้งยังเป็นการเตรียมตัวรับมือกับสิ่ง
ที่ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวเราได้ ซึ่งโดยปกติแล้วเป้าหมายในระยะสั้นของ
การออมเงินก็คือการใช้เป็นเงินสำรองหากเกิดเหตุการณ์ ฉุ ก เ ฉิ นซึ่งควรจะมีเตรียมเอาไว้
เทียบเท่ากับเงินเดือนประมาณ 3-6 เดือนเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์อะไรที่
ทำให้คุณต้องใช้เงินเหล่านั้นบัญชีเงินเก็บก็จะกลายเป็นเงินออม ร ะ ย ะ ย า ว สำหรับอนาคตนั่นเอง
4. เอาแต่พูดแต่ไม่ยอมทำ
การที่เอาแต่พูดว่าตัวเองจะเก็บเงิน จะประหยัดให้มากขึ้น แต่ไม่ยอมทำจริง ๆ สักที ก็เป็นอีกสาเหตุแบบ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมคุณถึงไม่มีเงิน หรือไม่รวยเสียทีเพราะคำพูดน่ะไม่สามารถทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้
ต้องลงมือทำต่างหากล่ะถึงจะเห็นผล
5. ไม่ให้ความสนใจกับเงินที่ใช้ไป
คุณจำได้หรือเปล่าว่าเงินที่เบิกออกมาล่าสุดนั้นใช้ไปกับอะไรบ้าง หรือธนบัตรใบละ 1,000 ที่คุณใช้ไป
หมดไปกับค่าอะไรบ้าง ถ้าหากคุณจำไม่ได้ละก็ ก็ล้มเลิกความคิดที่จะกลายเป็น
คนรวยไปได้เลยเพราะการที่คุณไม่ได้ใส่ใจเงินที่จ่ายไปมากเพียงพอ ก็จะทำให้คุณใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย
กว่าจะรู้ตัวเงินก็หมด แถมยังคิดไม่ออกด้วยว่าหมดไปกับอะไรอีก คราวหน้า
หากคิดจะใช้เงินแล้วคิดว่าตัวเองจำไม่ได้ว่าใช้ไปกับอะไรบ้าง บันทึกลงสมุดจดค่าใช้จ่ายเลยค่ะ รับรองช่วยได้แน่
6. ไม่มีความอดทน
ทุกคนล้วนแต่มีสิ่งที่อยากจะได้หรืออยากจะทำด้วยกันทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าเราจะสามารถอดใจไว้ได้แค่ไหน
ถ้าหากคุณเป็นคนขี้ใจอ่อน ก็บอกได้เลยว่าคุณต้องเสียเงินจำนวนมาก
กับสิ่งที่อยากได้อย่างแน่นอน และนั่นล่ะคือตัวบ่อน ทำ ล า ย ความร่ำรวยของคุณ หัดใจแข็งให้มากขึ้น
แล้วจะรู้เลยว่าคุณจะเก็บเงินได้มากขึ้นแน่
7. ใช้เงินเป็นเบี้ย
การใช้เงินแบบไม่คิดและไม่คำนึงถึงฐานะของตัวเอง นอกจากจะส่งผลเสียต่อสภาพคล่องทางการเงินของคุณแล้ว
ยังเป็นนิสัยการใช้เงินที่ เ ล ว ร้ า ย ที่สุด ซึ่งถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปนาน ๆ
ก็อาจจะส่งผลให้คุณล้มละลายได้เลยทีเดียว หันมาใช้เงินอย่างพอเพียง และหมั่นเก็บออมกันดีกว่าไหม
ทำตัวเองให้ดูจนแต่มีเงินในบัญชีเพียบ ย่อมดีกว่าแต่งให้ตัวเองดูรวยแต่ต้องเป็นหนี้นะ
8. เลือก ล ง ทุ น แค่ทางเดียว
การ ล ง ทุ น ในปัจจุบันมีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงินเพื่อรับ ด อ ก เ บี้ ย การเล่นหุ้น ซื้ อ ต ร า ส า ร หนี้
การฝากเงินในรูปแบบของสลากออมสินของสถาบันทางการเงิน
หรือแม้แต่การนำเงินไป ล ง ทุ น ในกองทุนต่าง ๆและแม้ว่าการเลือก ล ง ทุ น ในด้านเดียวจะมี ค ว า ม เ สี่ ย ง
น้อย แต่ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด อีกทั้งถ้าหากเกิดการผิดพลาด นั่นก็แปลว่า
เงินทั้งหมดที่ ล ง ทุ นจะสูญเสียไป ฉะนั้นลองหันมาให้ความสนใจกับการ ล ง ทุ น หลาย ๆ
อย่างสิ แม้จะ เ สี่ ย ง ขึ้นอีกหน่อย แต่ว่าคุ้มค่ากว่าแน่นอน
9. ใช้เวลาอยู่กับคนมีความคิดไม่ตรงกับคุณมากเกินไป
จริงอยู่ที่คบเพื่อนไม่ควรจะมีผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง แต่การอยู่กับคนที่มีความคิดในเรื่องการเงินไม่ตรงกับคุณ
ก็ไม่ช่วยทำให้คุณสร้าง เ นื้ อ สร้างตัวได้เช่นกันยิ่งโดยเฉพาะการใช้
เวลากับคนที่ไม่คิดจะเก็บเงินหรือไม่สนใจเรื่องความมั่นคงทางด้านการเงิน คิดเพียงแต่ว่ามีเงินก็ควรจะใช้
หากคุณอยู่กับคนเหล่านี้นาน ๆก็อาจจะทำให้คุณล้มเลิกความตั้งใจที่
จะเก็บออมเงินหรือใช้เงินอย่างประหยัดไปเลยก็ได้ ฉะนั้นมี 2 ทางให้เลือก ก็คืออยู่ห่างจากคนเหล่านี้
หรือไม่ก็ชักชวนให้เขาเปลี่ยนความคิดมาเริ่มเก็บออมเงินด้วยกันเสียเลย
10. เป็นหนี้
หนี้ คืออุปสรรคใหญ่ที่ขัดขวางไม่ให้คุณรวย เพราะการที่คุณมีหนี้ก็แปลว่าคุณต้องเอาเงินในส่วนที่สามารถ
เก็บออมไว้ได้มาชำระหนี้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วหนี้ที่เกิดขึ้นก็มาจาก
การกู้เงิน หรือการใช้ บั ต ร เ ค ร ดิ ตและถึงแม้ว่าการใช้ บั ต ร เ ค ร ดิ ต จะสะดวกสบาย แต่ก็สร้างหนี้
ได้ถ้าหากคุณใช้แบบไร้สติ ดังนั้นถ้าหากคุณอยากจะรวยละก็เลี่ยงการสร้างหนี้
โดยไม่จำเป็นจะดีกว่าหักห้ามใจบ้าง เพื่ออนาคตที่มั่งคั่งของตัวคุณเอง
11. เอาแต่เสียดาย
คำว่าเสียดาย นำพาหลาย ๆ คนสู่การเป็นหนี้กันมานักต่อนักแล้ว ทั้งการเสียเงินจำนวนมากกับสินค้าลดราคา
ที่ไม่มีวันได้ใช้ หรือการ ซื้ อ ของที่ไม่จำเป็นในช่วงโปรโมชั่นพิเศษ
เหตุผลทุกอย่างก็มักจะมาจากคำว่าเสียดาย ลบคำนี้ออกจากพจนานุกรมในการใช้เงินของคุณซะ
แล้วเงินในส่วนที่ไม่ควรจะเสียไปก็จะกลับคืนมาแบบเป็นกอบเป็นกำ
12. ใช้เงินไปกับการเติมเต็มความต้องการในวัยเด็ก
เชื่อว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อย ที่พอเริ่มมีรายได้ของตัวเองแล้วก็เริ่มที่จะเติมเต็มความต้องการในวัยเด็กที่ขาดไป
ด้วยการ ซื้ อ ของเล่นที่เคยอยากได้ตอนเด็ก ๆ แต่ผู้ปกครองไม่ซื้ อให้
หรือไปทำในสิ่งที่ไม่เคยได้ทำในวัยเด็กแต่ลองพิจารณาดูก่อนว่า สิ่งเหล่านั้นยังเป็นเรื่องจำเป็นอยู่หรือไม่
เพราะเมื่อคุณได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว คุณก็อาจจะไม่ได้สนใจมากเท่ากับ
ตอนเด็ก ๆ สู้เก็บเงินไว้เพื่ออนาคตอาจจะดีกว่านะ
13. ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการจัดการเงิน
แม้คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่เก็บเงินเก่ง และสามารถออมเงินได้ แต่การที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการจัดการเงินเลย
ก็อาจจะทำให้คุณรวยช้ากว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นถ้าอยากจะรวยเร็วขึ้น
ละก็ลองหาหนังสือเกี่ยวกับการ ล ง ทุ น หรือหาโอกาสไปฟังสัมมนาเกี่ยวกับการจัดการเงินบ้าง
จะได้รู้วิธีเพิ่มพูนเงินออมในแบบฉบับที่คนมีเงินเขาทำกัน
14. ฟังคนอื่นมากไป
ในขณะที่เราตั้งมั่นในเรื่องการเก็บออมเงิน ก็อาจจะมีคนบางกลุ่มที่เห็นว่าการออมเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ
มาคอยเป่าหูให้คุณไขว้เขวได้ และถ้าคุณเชื่อคำพูดเหล่านั้นละก็ต่อให้คุณ
มีรายได้มากแค่ไหน คุณก็ไม่มีวันมีเงินเก็บได้ และไม่มีวันรวยแน่ หากคุณกำลังหลงเชื่อคำพูดเหล่านั้นอยู่
ก็หยุดฟังซะ แล้วเริ่มเก็บเงินได้แล้ว
15. ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง
คนเราทุกคนสามารถรวยได้ นี่คือเรื่องจริง และคุณต้องเชื่อมั่นว่าตัวเองสามารถจะร่ำรวยได้ ถ้าหากคุณมีวินัย
การเงินที่ดี อย่ามัวแต่คิดในแง่ ร้ า ย ไปว่าคุณอาจจะไม่มีทางรวยได้
เพราะตัวเองรายได้น้อย เพราะต่อให้คุณมีเงินเดือนไม่มาก แต่ใช้เงินเป็น หมั่นเก็บออม และรู้จักนำเงินไป
ล ง ทุ น ก็บอกได้เลยว่าคุณต้องรวยอย่างแน่นอนในสักวันอยากเป็นคนรวย
ไม่ใช่เรื่องยากเลยสักนิดเพียงแค่ต้องละทิ้งนิสัยการใช้เงินที่ผิด ๆ ไปให้ได้ แล้วเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงซะ
อาจจะไม่ต้องเริ่มเก็บเงินคราวละเยอะ ๆ ก็ได้เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ๆ
อย่างมั่นคง อนาคตทางการเงินที่มั่งคั่งก็ไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝันอีกแน่นอน
ขอบคุณที่มา : m o n e y . k a p o o k