หลายบทความ คนเป็น “หัวหน้า” มักจะเป็นหัวข้อให้ได้กล่าวถึงกันบ่อยๆ แต่หากมองในอีกมุมหนึ่งไม่ใช่แค่ลูกน้องหรอกที่ อ ย า ก มีเจ้านาย หรือหัวหน้าที่ดี จริงๆ
แล้วคนเป็นหัวหน้าเองก็ อ ย า ก มีลูกน้องที่น่ารัก ปกครองง่าย คุยกันได้แบบสบายๆ โดยไม่ต้องใช้ไม้แข็งกันทั้งนั้นแหละ แต่เมื่อสังคมการทำงาน ประกอบด้วยมนุษย์
หลายประเภทมารวมตัวกัน หลากนิสัย หลายรสนิยม ทำให้หัวหน้าเอง ก็เป็นฝ่ายที่ต้อง อดทนกับลูกน้องที่พฤติก ร ร มไม่ค่อยโอเคเช่นกัน ซึ่งเชื่อว่าหัวหน้าหลายๆ
คนคงจะเคยปวดหัวกับคนเหล่านี้กันมาบ้างแล้ว แต่ไม่รู้ว่า จะรับมือยังไง ถ้าเรียกมาต่อว่าก็กลายเป็นถูกเกลียดกลับมา ถ้านิ่งเฉย งานก็ เ สี ย
วันนี้เรามีเทคนิคการรับมือเพื่อให้หัวหน้า ทุ ก คน สามารถคุมลูกน้องแต่ละประเภทได้อย่ างอยู่หมัด มาฝากกัน
1. ลูกน้องที่อายุมากกว่า
อายุที่มากกว่า ทำให้คนเป็นลูกน้องมีอีโก้สูง ทำอาจจะแข็งขืนกับหัวหน้าที่ เ ด็ ก กว่าได้ลูกน้องประเภทนี้มักจะมีความมั่นใจสูง คิดว่าตัวเองมีประสบการณ์มากกว่า ทำให้หัวหน้า
อาจจะปกครองได้ลำบากสักหน่อย เพราะฉะนั้น ทางที่ดีให้ พ ย า ย า ม รับฟัง เปิดใจ และให้โอกาสเขาได้นำเสนอประสบการณ์ของเขา แต่หากมันล้าสมัยเกินกว่าจะรับไหวจริงๆ
ลองเปิด อ ก คุยแบบส่วนตัวเพื่อลดทิฐิลง และดูว่าคำแนะนำที่เรามีให้มันช่วยในการทำงานให้ดีขึ้นได้ยังไงบ้าง
2. ลูกน้องจอมดื้อ
เคยเจอไหม ? ลูกน้องที่ชอบดื้อ สั่งอะไรก็ ย า ก ปกครองลำบาก เแถมเต็มไปด้วยข้ออ้าง ที่ดูดีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องถูกสั่งงาน ปัญหาคือ แต่ถ้าลูกน้องคนนั้นฝีมือดีล่ะ?
ดังนั้น พฤติก ร ร มที่เจ้านายหรือหัวหน้า ทุ ก คนควรทำก็คือ ใจเย็นๆ รับฟังความคิดเห็นของเขาให้มากที่สุด และอาจจะเสนองานให้เขา ดูแลเองไปเลย 1 โปรเจคต์
โดยไม่ต้องเข้าไปก้าวก่ายกับ วิ ธี การทำงาน แค่มอบอิสระให้กับเขาแล้วเลือกควบคุมอยู่ห่างๆ นั่นเอง
3. ลูกน้องที่ ข า ด ความมั่นใจ
มีเกือบ ทุ ก บริษัทจริงๆ สำหรับลูกน้องที่ขี้กังวล ข า ด ความมั่นใจ ไม่กล้าตัดสินใจอะไรด้วยตัวเอง จะทำอะไรเองไม่ได้สักอย่ าง ต้องขออนุญาตหรือเอาแต่ถามตลอด
ซึ่งทำให้ เ สี ย เวลาการทำงานมาก ลูกน้องแบบนี้ ค่อนข้างเป็นปัญหาอยู่พอสมควร ทางที่ดีต้องคอยพูดชม คอยให้กำลังใจเขาเพื่อให้ความกลัวหายไป เหลือแต่ความมั่นใจนั่นเอง
4. ลูกน้องจอมขี้เกียจ
ลูกน้องประเภทนี้ จะทำตัวเป็นจอมขี้เกียจแต่อาศัยการทำงานหลอกๆ มาบังหน้า ซึ่งความสามารถพิเศษของเขาและเธอเหล่านี้คือการพูดที่เป็นการเป็นงาน น่าเชื่อถือว่ามีงานล้นมือ
ซึ่งที่จริงอาจจะเอาแต่เม้ากับเพื่อนร่วมงาน ชวนโดดงาน อู้งาน หรือไม่ใส่ใจกับงานเท่าที่ควร แบบนี้ หัวหน้าอาจจะต้องงัดไม้เด็ดออกมาใช้ โดยการมอบหมายงานให้รับผิดชอบ
และกำหนดวันส่งงานให้ชัดเจน ซึ่งถ้าทำตามกำหนดไม่ได้ก็ให้ทำ โ ท ษ เช่น ตัด เ งิ น เดือน สั่งพักงาน หรือออกใบ เ ตื อ น เป็นต้น
5. ลูกน้องช่างประจบประแจง
เป็นอั น ต ร า ยมากสำหรับลูกน้องขี้ประจบนี้ เพราะหัวหน้าบางคนอาจจะรู้ไม่ทันลูกน้องและมองว่าคนๆ นั้นดีกว่าคนอื่นได้ ซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นใต้น้ำขึ้นในบริษัท เพราะพนักงานด้วย
กันเอง จะดูออกว่าพนักงานคนนั้นนิสัยเป็นยังไง งานที่ทำ ทำจริงรึเปล่า ซึ่ง วิ ธี แก้ปัญหาคือ ให้หัวหน้าแสดงให้ลูกน้องคนอื่นๆ เห็นเลยว่าการที่เข้ามาตีสนิทกับเรานั้นไม่ได้ช่วยให้มีผลต่อ
การทำงาน หรือการเลื่อนขั้นแต่อย่ างใด หัวหน้าทั้งหลายต้องเทคแอคชั่นตรงนี้ ให้ได้ ไม่ควรปล่อยวาง เพราะจะทำให้ลูกน้องคนอื่นไม่สบายใจ และเกิดปัญหาได้
6. ลูกน้องมั่นใจสูง แต่ทำไม่ได้
สำหรับใครที่กำลังปวดหัวกับลูกน้องที่ดูเหมือนว่าจะท่าดีทีเหลวอยู่ล่ะก็ แนะนำให้โยกย้ายไปทำตำแหน่งอื่นที่จะช่วยให้สกิลของเขาสามารถเกิดประโยชน์ได้สูงสุดจะดีกว่า เพราะบางครั้งเขาเหล่านี้
จะมีความมั่นใจใส่มาเกินร้อย แต่อาจจะผิดที่ผิดทาง ส่งผลต่อระบบการทำงานส่วนอื่นๆ จนรวนไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ย้ายไปทำตำแหน่งเซล หรือเวลามีการพรีเซนต์อะไรก็ให้เขาเป็นคนจัดการ
ซึ่งการจัดคนให้ตรงกับความสามารถและจุดเด่นที่มี ก็จะช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้น และส่งเสริมให้บริษัทดีขึ้นได้อีกด้วย
ขอบคุณ สบายตา