1. คุณไม่กลัวกับการที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
สำหรับหลาย ๆ คน การเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ เป็นเรื่องที่หนักปากเอามาก ๆ
ส่วนหนึ่งเพราะบางคนมีความคิดว่าตัวเองดีเลิศ สมบูรณ์แล้ว
การขอความช่วยเหลือเป็นเหมือนกับการบอกว่าตัวเองพ่ายแพ้ แ ย่ ฯลฯ ทั้งที่จริง ๆ
แล้วมนุษย์เราก็ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมไปหมดทุ กอย่ าง
การที่คุณยอมรับว่าตัวเอง มีปัญหาและแก้ไขเองไม่ได้ก็ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่ทำให้คุณ
ได้เผชิญหน้ากับความจริงของตัวเองแทนที่จะทนฝืนและหลับหูหลับตา
หลอกตัวเองไปเรื่อย ๆ ฉะนั้น อย่ ากลัวที่ตัวเองจะมีปัญหา (เพราะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว)
และถ้าคุณแก้ไม่ได้ คุณก็ควรกล้าจะยกมือบอกคนอื่น ๆ
2. คุณปล่อยมือจากสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี
วิ ธีการเดียวที่จะทำให้ความทุ กข์หลุดออกจากตัวคุณได้ก็คือการปล่อยมันไป
เพราะเอาจริง ๆ ที่คุณยังทุ กข์อยู่นั้นก็เพราะ คุณยังยึดติ ดกับมัน ยังไม่ปล่อยมัน
ออกจากความคิดของตัวเองมันเหมือนกับเรื่องเล่าที่ผมชอบมากถ้าคุณกำดินสอแล้วยกขึ้น
คว่ำมือลงจะมีวิ ธีไหนบ้าง ที่คุณจะให้ดินสอออกจากมือ?
มันก็คือแค่การที่คุณแบมือออกนั่นแหละ ดินสอก็จะต กไปจากมือคุณแล้วความทุ กข์
และเรื่องราวไม่ดีต่าง ๆ มันก็เหมือนดินสอในมือคุณแหละครับ
ที่มันยังอยู่ในมือคุณก็เพราะคุณกำมันไว้ ไม่ยอมปล่อยเสี ยที การที่คุณกล้าจะปล่อยมือ
จากมันก็จะทำให้ชีวิตคุณ หลุดจากบ่วงความทุ กข์เดิม ๆ ไป ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่แสนดี
เลยใช่ไหมล่ะครับ
3. คุณยกมาตรฐานของคุณให้สูงขึ้น
สิ่งหนึ่ง ที่ทำให้คนเราไม่ได้ก้าวไปไหน คือการย่ำอยู่บนความสำเร็จหรือกรอบเดิม ๆ
ที่ตัวเองวางไว้ประมาณว่าตัวเองทำได้เท่านี้ดีแล้ว ก็จะทำแบบนั้นต่อไปโดยวางไว้ว่า
นั่นคือ มาตรฐานการทำงานของตัวเอง แต่คนที่ประสบความสำเร็จมักจะมีการประเมิน
และยกมาตรฐานของตัวเอง อยู่เรื่อย ๆ ทั้งนี้เพราะการยกมาตรฐานตัวเองนั้น
จะทำให้พวกเขาได้มีโอกาสในการพัฒนาความสามารถอยู่เสมอนั่นเอง
4. คุณไม่ต้องมีเงิ นมากมาย แต่คุณก็สามารถมีชีวิตที่ “ร่ำร วย” ได้
คำว่า “ร วย” สำหรับหลาย ๆ คนคือ การมีเงิ นมากมาย มีบัญชีหลายสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้าน
แต่การบอกว่าใช้ชีวิตแบบ “ร่ำร วย” อาจจะไม่ต้องใช้เงิ นมากขนาดนั้น ก็ได้ลองคิดกลับว่า
ถ้าคุณไม่ได้ร วยมาก การที่คุณสามารถกิน อ า ห า ร ดี ๆ ในร้าน อ า ห า ร กลาง ๆ
แทนที่จะต้องกิน อ า ห า ร ข้างทาง คุณสามารถหาเสื้อผ้าดี ๆ
ใส่ได้แม้ว่าจะไม่ใช่แบรนด์เนมดังแต่ก็ดีกว่าใส่เสื้อผ้าข าด ๆ เปื่อย ๆ มันก็ดีแค่ไหนแล้ว
การตีความของคำว่า “ชีวิตร่ำร วย”ไม่ได้อยู่ที่ว่าคุณมีเ งินเท่าไร
แต่มันอยู่ที่คุณใช้เงิ นอย่ างไร และคุณรู้สึกกับมันแค่ไหนแม้คุณจะไม่ได้มีเ งินพัน ๆ ล้าน
แต่คุณก็สามารถใช้ชีวิตแบบ “ร่ำร วย” ในแบบของคุณได้แหละน่า
5. คุณกับคู่รักของคุณทะเลาะกันน้อยกว่าที่เป็น
การมีความสัมพันธ์ กับคนรักนั้น มักตามมาด้วยความขัดแย้ง การทะเลาะการผิดใจกันและเรา
ก็ต้องยอมรับว่าหลาย ๆ คร้ังมัน บั่ น ทอ น ชีวิตของเราอยู่พอสมควร
ลองไปดูบรรดาคนที่ทะเลาะกับแฟน หรือกำลังดราม่ากับคนรักสิครับเรารู้สึกเลยว่าชีวิตมันย่ำ แ ย่
เอามาทีเดียวทั้งที่จริง ๆ การมีความรักน่าจะเป็นเรื่องดีเสี ย ด้วยซ้ำ
ผมกับภรรย าเองก็เคยมีช่วงเวลา ดังกล่าวที่รู้สึกเหนื่อยกับปัญหาระหว่างกันมันทำให้อะไร
รอบข้างก็ดู แ ย่ ไปเสี ยหมดแต่พอเราเริ่มปรับกันให้ลงตัว
ทะเลาะกันน้อยลงและ พ ย า ย า ม มีความสุขกับชีวิตที่เรามีผมยอมรับเลยว่ามันเป็นชีวิตคู่
ที่มีความสุขมาก ๆ (แม้ว่าหลาย ๆ อย่ างอาจจะไม่สมบูรณ์พร้อม
หรือน้อยกว่าหลาย ๆ คู่ก็ตาม) เช่นกันครับ การที่คุณสามารถประครองความสัมพันธ์ของคุณ
ให้ไม่ต้องทะเลาะกันมีความสุขด้วยกัน มันก็ดีแค่ไหนแล้วล่ะครับ
6. คุณมีที่อยู่ที่เป็น “บ้าน”
หลายคนมีบ้าน แต่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็น “บ้าน” อย่ างที่มันควรจะเป็น ทั้งนี้เพราะตัวบ้าน
กับความรู้สึกของความเป็นบ้าน เป็นคนละเรื่องกัน ฉะนั้นแล้ว
ถ้าเมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกว่าบ้านที่คุณอยู่มันเป็น “บ้าน” จริง ๆ แล้วก็ล่ะก็ ควรดีใจไว้เถอะครับ
เพราะคนจำนวนไม่น้อยไม่ได้รู้สึกอย่ างนั้นเลย
ขอบคุณที่มา : verrysmilejung