1. คนร วยยอมรับการเปลี่ยนแปลง คนชั้นกลางต่อต้านการเปลี่ยนแปลง
คนชั้นกลางรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงจะคุ กคามชีวิตความเป็นอยู่ที่ตนเองเคยชิน
ในขณะที่คนร วยนั้นคิดว่าการเปลี่ยนแปลง
อาจนำมาซึ่งชีวิตที่ดีกว่าเขาคิดว่าในการเปลี่ยนแปลงนั้นมักมีโอกาสที่เขาอาจ
จะฉกฉวยได้เบื้องหลังนิสัยนี้อาจจะมาจากการที่คนร วย
มีความมั่นใจสูงกว่าคนชั้นกลางที่มักจะกลัวว่าตนเองจะไม่สามารถปรับตัว
ให้เข้ากับสิ่งใหม่ ๆ ได้
2. คนร วยทำงานเพื่อหากำไร
คนชั้นกลางทำงานเพื่อจะได้ค่าจ้าง คนร วยมองว่านี่คือหนทางที่จะทำให้รว ย
ได้มากกว่าแม้ว่าจะมีความเ สี่ยงในขณะที่คนชั้นกลาง
นั้นมักจะไม่กล้าเ สี่ยงและอาจจะมีความคิดสร้างสรรค์น้อยกว่า จึงมุ่งไปที่การหางาน
ที่จะมีรายได้แน่นอนแต่รายได้จากการใช้แรงงานของตนเองนั้น มีน้อยคนที่จะทำให้
ตนเองรว ยได้
3. คนร วยเรียนรู้และเติบโตตลอดชีวิต
คนชั้นกลางคิดว่าการเรียนรู้จบที่โรงเรียนนิสัยการเรียนรู้ไปเรื่อย ๆ นี้ ผมคิดว่าเป็น
หัวใจเศรษฐีจริง ๆเพราะในความรู้สึกของผมเอง
การเรียนรู้จากโรงเรียนเป็นเพียงพื้นฐานที่เรานำมาศึกษาต่อด้วยตนเองได้
และเวลาหลังจากการเรียนในโรงเรียนนั้นย าวมากเป็นหลายสิบปี
ดังนั้น ความรู้ส่วนใหญ่จึงควรที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เราเรียนจบจากโรงเรียน
โดยนัยของข้อนี้คนร วยจึงน่าจะมีนิสัยรักการอ่ าน
หรือการหาความรู้ต่อไปเรื่อย ๆในขณะที่คนชั้นกลางนั้นพอเรียนจบก็มักจะไม่สนใจ
อ่ านหนังสือหรือหาความรู้ใหม่ ๆและความรู้ที่ผมคิดว่า
คนชั้นกลางพลาดไปเพราะไม่มีการสอนในโรงเรียนก็คือความรู้ทางด้านการเงิ น
ที่คนร วยมักจะศึกษาต่อเพราะเห็นถึงความสำคัญและอาจนำไปสู่ความร่ำร วยได้
4. คนร วยพูดเกี่ยวกับเรื่องไอเดีย
คนชั้นกลางพูดเกี่ยวกับสิ่งของและคนจนพูดถึงเรื่องของคนอื่นนี่คงไม่ได้หมายถึง
ว่าคนร วยไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งของหรือคนอื่น
แต่หมายถึงว่าคนรว ยจะพูดถึงเรื่องของคนอื่นน้อยกว่าคนจนและมักจะเป็นคนที่มี
แนวความคิดดี ๆหรือมีมุมมองต่าง ๆ มากกว่าคนชั้นกลาง
และคนจนเบื้องหลังของนิสัยในเรื่องนี้คงอยู่ที่ว่าคนร วยนั้นมักจะมีความคิด
สร้างสรรค์มากกว่าคนจนซึ่งมักจะชอบ “ซุบซิบนินทา”เป็นนิจสิน
ในขณะที่คนชั้นกลางอาจจะเน้นการทำงานประจำชอบพูดถึงเรื่องรถยนต์ดนตรี
การพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น
5. ก็คือ เศรษฐีนั้นคิดย าวแต่คนชั้นกลางคิดสั้น
ว่าที่จริงคนที่คิดสั้นที่สุดก็คือคนจนพวกเขามักจะคิดอะไรแบบวันต่อวันทำนอง
หาเช้ากินค่ำคนชั้นกลางนั้นมักจะคิดเป็นเดือนต่อเดือนนั่น
คือคิดถึงวันเงิ นเดือนออกแต่คนร วยจะต้องคิดย าวเป็นปี ๆ หรือเป็นสิบ ๆ ปี
ในใจของคนจนนั้น เขามักคิดแต่เฉพาะเรื่องของความอยู่รอดเป็นหลัก
ในขณะที่คนชั้นกลางคิดถึงเรื่องความสุขสบายจากการจับจ่ายใช้สอยสินค้า
ส่วนคนร วยนั้น เป้าหมายของพวกเขาชัดเจน
เขาต้องการความเป็นอิสระทางการเ งินการคิดย าวนั้นมีพลังมหาศาล
เพราะมันจะทำให้เขาอดออมและลงทุนระยะย าว
ซึ่งจะทำให้เ งินงอกเงยแบบทบต้นเป็นเวลานานและนี่คือสูตรสำคัญที่สุด
ในการที่จะทำให้คนมั่งคั่ง
6. คนร วยกล้ารับความเสี่ ยงที่ได้มีการพิจารณาและไตร่ตรองดีแล้ว
คนชั้นกลางกลัวที่จะรับความเ สี่ยงนี่เป็นนิสัยที่เป็นจุดอ่อนมากที่สุดของคนชั้นกลาง
ในความเห็นของผมคนที่ไม่ยอมรับความเ สี่ยงเลยนั้นจะพลาด
ที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีโดยสิ้นเชิงในขณะที่คนที่กล้ารับความเสี่ ยงอย่ างที่ได้มี
การศึกษามาเป็นอย่ างดีจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี
ได้โดยที่ความเ สี่ยงจริง ๆนั้นจะมีน้อยมากตัวอย่ างที่เห็นชัดเจนที่สุด ก็คือคนชั้นกลาง
ส่วนใหญ่นั้นมักจะกลัวการลงทุนในหุ้น
หรือตราส ารการเ งินที่มีความผันผวนของราคาโดยที่เขาไม่พย าย ามศึกษาว่า
ในระยะย าวแล้วมันอาจจะมีความคุ้มค่ากว่าการฝากเงิ นในธนาคารมาก
ในอีกมุมหนึ่ง คนที่กล้ารับความเสี่ ยงอย่ าง “บ้าบิ่น” เช่นคนที่เล่นหุ้นวันต่อวันเองก็ไม่ใ
ช่นิสัยของคนร วยคนร วยนั้นจะต้องรับความเสี่ ยงเฉพาะที่มีการพิจารณาอย่ างถี่ถ้วนแล้ว
ขอบคุณที่มา : forlifeth