หนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเป็นเพื่อนกัน ได้ชวนกันไปนั่งเล่นที่ริมแม่น้ำแถวห มู่บ้าน
ในระหว่างที่พากันเอาขาจุ่มน้ำเล่นอยู่นั้น รองเท้าของนางสาว A ก็หลุดลอยไปตามน้ำ
ทำให้เธอไม่มีรองเท้าใส่ จำเป็นต้องเดินเท้าเปล่ากลับบ้าน
ระหว่างทางเดินกลับ เป็นพื้นคอนกรีตเมื่อโดนแดดย ามบ่าย จึงร้อนมาก
และระยะทางก็ไกล นางสาว A ขอร้องให้เพื่อนช่วยเอารองเท้าให้เธอใส่
แต่เพื่อน ๆ ก็มีรองเท้าแค่คู่เดียว จึงไม่มีใครเอาให้เธอใส่เลย
ทำให้นางสาว A รู้สึกไม่พอใจและโกรธเพื่อน ๆ ที่ไม่ยอมช่วยเหลือ
ปกติแล้วนางสาว A มักจะขอร้องให้เพื่อนช่วยอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งเพื่อน ๆ ก็เต็มใจช่วย ถ้าไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง แต่ครั้งนี้เพื่อน ๆ ไม่ช่วยเธอ
เธอจึงคิดว่าเพื่อน ๆ ไม่เอาไหนซะเลย เรื่องแค่นี้กลับช่วยกันไม่ได้
แต่จู่ ๆ นาย B ก็ยื่นรองเท้าให้เธอ แล้วก็ยอมทนเดินเท้าเปล่าบนถนนร้อน ๆ แทน
จนถึงบ้านของพวกเขาและนาย B ก็ได้บอกเธอว่า “เธอต้องจำไว้ด้วยว่า
ไม่มีใครมีหน้าที่ช่วยเธอ ถึงจะเป็นเพื่อนกัน แต่ถ้าเขาไม่ได้ช่วย เขาก็ไม่ผิดหรอกนะ”
หลายครั้งที่เรามักจะหวังให้คนอื่นทำดีต่อเรา ซึ่งในตอนแรก ๆ เราก็รู้สึกซาบซึ้ง
ในการช่วยเหลือของเขา แต่เมื่อนานไป เราจะรู้สึกเคยชินกับการถูกช่วยเหลือ
ทำดีกับเรา จนกลายเป็นหน้าที่ที่เขาต้องทำให้เรา และเมื่อครั้งไหนที่เขาทำให้เราไม่ได้
ก็จะรู้สึกโกรธและไม่พอใจ โดยลืมนึกถึงครั้งที่เขาเคยช่วยเราที่ผ่ าน ๆ มาจนหมด
กลายเป็นว่าเรากลับลืมบุญคุณ เลิกซาบซึ้งกับสิ่งที่เขาเคยทำให้เรามาก่อนหน้านี้
ลืมแม้แต่ที่จะขอบคุณเขาที่ช่วยเหลือเรา เพราะเราเคยชินกับกรารับอย่ างเดียว
อย่ างที่เขาว่ากันว่า “ทำดีให้กี่ครั้ง เขาไม่จำ เขาจำได้ครั้งเดียว คือครั้งที่ไม่ช่วย”
อย่ าเป็นคนที่เอาแต่รับอยู่ฝ่ายเดียว ต้องรู้จักให้คืนบ้าง และถ้าเขาเคยช่วยเหลือเรามาตลอด
เราต้องขอบคุณเขาให้มาก ๆ แต่ถ้ามีครั้งไหนที่เขาช่วยไม่ได้ ต้องเข้าใจเขา ด้วย
เพราะมันอาจจะเกินตัวที่เขาจะทำให้ได้ อย่ าเสี ยมิตรภาพดี ๆ ไป
เพียงเพราะเราที่เห็นแ ก่ได้อยู่ฝ่ายเดียว เพราะสุดท้ายจะไม่เหลือใครอยู่ข้าง ๆ
ขอบคุณที่มา : bitcoretech