1. คนที่ทำงานกับคนอื่นไม่เป็น
มีบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งกำลังรับสมัครพนักงาน และมีผู้มาสมัครงาน 6 คนก่อนรับเข้าทำงาน
ทางบริษัทจึงได้ให้ เ งิ น จำนวน 75 บาท แ ก่ ผู้สมัครงานทั้ง
6 คน เพื่อให้นำ เ งิ น นั้นไปซื้อข้าวกินด้วยกันในงบที่ให้ไป แต่เมื่อไปถึงร้านข้าวจานหนึ่งอย่ างต่ำ
ก็ 15 บาทแล้ว และ เ งิ น ที่ให้มานั้นไม่พอที่จะซื้อข้าว
คนละจานได้แน่ๆ พนักงานเหล่านั้นจึงพากันกลับไปที่บริษัท และเมื่อไปถึงบริษัท ประธานรู้เข้าว่า
พวกเขากลับมามือเปล่าก็ถึงกลับส่ายหัว แล้วพูดว่า
“ ขอ โ ท ษ ด้วย ผมรับพวกคุณเข้าทำงานไม่ได้จริง ๆ พวกคุณไม่เหมาะกับบริษัทของเรา ”
เหตุผลก็เพราะว่ารานอาหารร้านนั้นมีโปรโมชั่นซื้อ 5 แถม
1 ซึ่งทั้ง 6 คนไม่มีใครรู้ หรือ อ่ า น รายละเอียดเลย มันแสดงถึงความไม่ใส่ใจและถึงแม้จะไม่มีโปรโมชั่น
ก็ยังสามารถซื้อข้าวมา 5 จาน แล้วแบ่งใส่เพิ่ม
อีก 1 จานก็ได้ แต่ผู้สมัครทั้ง 6 คน ไม่มีใครคิดว่ามาด้วยกันจึงไม่มีความเป็นทีม มีแต่คิดถึงตัวเอง
หากเข้ามาอยู่ในองค์กรก็จะไม่รู้จักการทำงานเป็นทีมและนั่นก็คงไม่ต่างกับการทำงานแบบหุ่นยนต์
2. คนที่มองอะไรสั้นๆ ไม่มองไปข้างหน้า
ยกตัว อ ย่ า ง เช่น นายดำและ นายแดง ได้เข้าไปฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่งและเมื่อเรียนจบ ก็ได้ไปทำงาน
ในบริษัทนั้น แต่บริษัทได้เสนอให้ทั้ง 2ไปศึกษาดูงานที่สำนักต่างประเทศเป็นเวลา 2 ปี โดยจะได้รับ เ งิ น เดือน
แค่ครึ่งเดียว และไม่มีค่าคอมมิชชั่นให้ นายดำรู้สึกว่า เ งิ น เดือนที่ได้นั้นมันน้อยเกินไปและยังต้องลำบาก
ไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ ไม่ฝูงก็ไม่มีสักคนเขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ไป
ในขณะที่นายแดง ตัดสินใจไปศึกษางานที่ต่างประเทศ เพราะคิดว่าได้ไปเพื่อหาประสบการณ์ก็คุ้มค่าแล้ว
แถมยังได้ เ งิ น เดือนอีกตั้งครึ่งหนึ่ง เมื่อเวลา ผ่ า น ไป 2 ปี นายดำยังคงทำงานที่ตำแหน่ง
เดิม เ งิ น เดือนขยับขึ้นมานิดหน่อย ในขณะที่นายแดง ได้กลับมาเป็นหัวหน้าคนใหม่ของบริษัท
และมีรายได้หลักแสนต่อเดือน ซึ่งมากกว่านายดำถึง 5เท่า และเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ว่า
นายดำตัดสินใจ ผิ ด พ ล า ด หรือนายแดงตัดสินใจถูกแต่อย่ างใดนะ แต่เป็นเพราะว่าทั้งคู่ต่างเลือกสิ่งที่ดี
ที่สุดให้กับตัวเองในมุมมองของตัวเอง แต่เมื่อเวลา ผ่ า น ไป ทุ ก อย่ างจะเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่า
การตัดสินใจในอดีตของเรา จะพาเราก้าวไปข้างหน้าได้มากน้อยแค่ไหน
3. ไม่หาความรู้เพิ่มเติม
โดยเฉลี่ยปกติแล้วคนเราจะใช้เวลาทำงานวันละประมาณ 8 ชั่ ว โมง ซึ่งมีคนรู้จักที่ได้ทำงานอยู่ในโกดัง
แห่งหนึ่ง หน้าที่ของเขาคือการเช็คจำนวนสินค้าในคลัง ซึ่งเป็นงานง่ายๆที่ไม่ต้องใช้ทักษะ
อะไรมากมาย หรือเสี่ ยงที่จะถูกหุ่นยนต์มาทดแทนที่ในอนาคต แต่ในการทำงานปีแรกของเขามีของที่ถูกส่งมา
เป็นจำนวนมาก และหลังเลิกงานเขาจะใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม
และเขาก็ได้ค้นพบว่าของบางอย่ างเป็นที่ต้องการในตลาดอย่ างมาก และด้วยความที่เขาทำงานใน
แ ว ด ว ง นี้ ทำให้เขาหาแหล่งผลิตที่ได้ต้นทุนในราคาถูกลง จากนั้นเขาก็เริ่มสั่งสินค้า
มาขายในออนไลน์ และก็ยังคงทำงานในโกดังเหมือนเดิม พอเวลา ผ่ า น ไป 3 ปี ธุรกิจค้าขายออนไลน์
ของเขาเติบโตอย่ างรวดเร็ว ภายในเวลา 7 ปี เขาก็สามารถเปิดกิจการเป็นของ
ตัวเองได้ นอกเหนือเวลาทำงาน 8 ชั่ ว โมง เขายังคงทำงานและเรียนรู้เพิ่มเติม นี่คือสิ่งที่แต กต่างกับ
คนอื่นๆ เขาไม่เคยหยุดเรียนรู้นอกเหนือจาก 8 ชั่ ว โมงในเวลาทำงานเลย
จึงทำให้เขาเติบโตและไปได้ไกลกว่าคนอื่น ๆและด้วยยุคสมัยนี้ที่อินเตอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
และยังเป็นแหล่งหาความรู้เพิ่มเติมได้ ทุ ก ๆ วัน นั่นเอง อะไรมันก็เลยดูง่ายขึ้นด้วย
4. คนที่ทำงานแบบเดิมๆซ้ำๆ
หลายคนชอบงานที่ทำแบบซ้ำๆเดิมๆ ทุ ก วัน เพราะไม่ต้องคิดอะไรมากมายให้ป ว ด หั ว หรืองานง่ายๆ
ที่อาศัยการจับวางไม่ได้มีการคิด วิ เ ค ร า ะ ห์ หรือการตัดสินใจอะไรมากมาย
เป็นการทำงานแบบหุ่นยนต์ ก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่วันหนึ่งจะถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์เพราะหุ่นยนต์
ไม่เคยหยุดทำงานไม่อู้งาน ไม่ต้องพักกินข้าว หรือเรียกร้องให้ขึ้น เ งิ น เดือน หรือขอสวัสดิการ
อะไรเพิ่ม แถมปัญหาก็น้อยลงตามไปด้วย
5. คนที่ไม่รู้จัก วิ ธี การลงทุนในตัวเอง
หลายคนมักจะถูกสอนให้รู้จักประหยัดอดออม เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้ไม่ลำบาก แต่ไม่ค่อยสอนให้รู้จักหา เ งิ น
สร้างรายได้ให้มากขึ้น หากเราใช้เวลา1 ปี เพื่อให้มี เ งิ น เก็บ 1 แสน เท่ากับว่า 10 ปี
เราจะมี เ งิ น เก็บ 1 ล้าน แต่แบบนั้นมันไม่ได้เรียกว่าคุณเก่งหรอกนะ เพราะคุณต้องใช้เวลาถึง 10 ปี เพื่อเก็บ เ งิ น
ให้ได้จำนวน 1 ล้านบาท ในขณะที่บางคนอาจจะหา เ งิ น ล้านได้ภายในปีเดียว
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญในการนำไปสู่ความมั่งคั่ง ไม่ใช่การอดออม แต่เป็นการที่เรารู้จักลงทุนกับตัวเองให้ถูกทาง
คุณก็จะได้กลับคืนมามากกว่านั้นหลายเท่าตัวบางคนจ่าย เ งิ น เพื่อ
ไปเข้าฟิตเนสออกกำลังกาย… จนมีไอเดียและช่องทางที่จะทำธุรกิจ ขายอาหารเสริมสำหรับคนรัก สุ ข ภ า พ
หรือเปิดยิมเป็นของตัวเองแถมยังมีลูกค้าที่เจอในฟิตเนสตอนไปออกกำลังกายอีก
บางคนจ่าย เ งิ น เพื่อ ออกเดินทางเที่ยวรอบโลก… ทำให้ได้เห็นโลกที่กว้างขึ้นได้เห็นธุรกิจใหม่ๆที่ต่างประเทศ
ที่ไม่มีในประเทศตัวเอง แล้วก็นำกลับมาต่อยอดที่บ้านตัวเอง
…” เวลา ” จะช่วยบอกเองว่า เ งิ น ที่คุณลงทุนไปกับตัวเองนั้น มันทำให้คุณได้อะไร
กลับมาบ้าง และมันทำให้คุณมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นได้หรือเปล่า หาเ งิ น ได้เยอะขึ้นหรือเปล่า
และมันจะเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จ แต่ถึงมันจะไม่สำเร็จ แต่มันก็จะให้ประสบการณ์
ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้กับคุณอยู่ดี